วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

22 ปี มิตรภาพ..มั่นยืน ....ตอนที่ 1

14 ตุลาคม 2555
ผมและครอบครัวเดินทางออกจากด่านซ้าย โดยมีจุดหมายปลายทางที่จังหวัดมุกดาหารตามคำเชิญของบุญมีและจุฬา เพื่อนรักร่วมรุ่นที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเรียนที่วิทยาลัยการสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ในยุคสมัยที่บริเวณรอบๆบึงแก่นนครยังรกร้างเป็นพื้นที่ว่างๆ ไม่มีอาคาร ร้านค้าเหมือนทุกวันนี้ แต่นั่นมันก็ 22 ปีมาแล้ว..

ผมบอกกับแม่บ้านเมื่อเดือนกันยายนว่าจะพาไปเที่ยวมุกดาหาร เพื่อได้ทำเรื่องของลาพักร้อนกันไว้ล่วงหน้าและเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ลูกชายทั้งสองคนปิดเทอมทั้งคู่ ปกติช่วงเดือนตุลาคมครอบครัวผมก็มักจะหาช่วงเวลาเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวไกลๆ ด้วยกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในการเดินทางไปมุกดาหารครั้งนี้มีเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากงานคือ การไปสอน HOSxP ที่โรงพยาบาลหนองสูง
ผมใช้เวลาในการเดินทางไปแบบไม่เร่งรีบ เพราะคิดว่าจะแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายทาง 2-3 แห่งที่ยังไม่เคยไป และใช้บริการจาก 7-11ของ ปั้ม ปตท.เป็นจุดแวะพักของรถและคนเป็นระยะๆ จุดหมายแรกก่อนที่ถึงมื้อกลางวัน พวกเราแวะเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หอยล้านปีที่บ้านโนนทัน จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรมาก ที่จริงผมเคยพาครอบครัวมาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นดูเหมือนว่าอาคารสถานที่ต่างขาดการดูแลทำให้เข้ามาแล้วเหมือนไม่มีอะไร แต่ในครั้งนี้ดูแตกต่างกันมากมีการปรับปรุงลานจอดรถตลอดจนอาคารสถานที่ใหม่ มีการจัดเก็บบัตรเข้าชมเหตุผลเพราะมีโชว์ของเจ้าไทรันโนซอราคา 4ล้านบาท ที่ส่งเสียงคำรามและขยับไปมาได้อย่างสมจริง ถ้าใครมีลูกหลานที่โปรดปรานเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์ พาไปเที่ยวที่นี่คิด่วาไม่น่าผิดหวังนะครับ


มื้อเที่ยงฝากท้องไว้ที่ร้านขายข้าวขาหมูใกล้ๆกับโรงพยาบาลหนองวัวซอ..

หลังจากอิ่มท้อง กองทัพก็เริ่มออกเดินทางกันต่อจุดหมายปลายทางแห่งที่สอง คือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ซึ่งเคยพลาดชมมาแล้วแต่ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะต้องไปชมให้ได้ซึ่งก็ได้เข้าไปชมสมใจแบบเฉียดฉิว เพราะเหลือเวลาอีกเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะปิด

ในการพิพิธภัณฑ์มีข้อห้ามใช้แฟลชในการถ่ายรูปครับ สนนราคาเข้าชมราคาคนไทยกับคนต่างชาติก็แตกต่างกัน ซึ่งผมเองก็เกือบได้ใช้อัตราค่าชมราคาคนต่างชาติ ด้วยเหตุผลว่าหน้าตาโกอินเตอร์ไปทางฝรั่งหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ด้านในของพิพิธภัณฑ์มีการจัดอาคารแสดงเป็นสัดส่วนที่น่าสนใจครับ ทุกคนในครอบครัวเลยเดินชมกันเพลิน เหมือนได้เรียนรู้วิวัฒนาการของอารยธรรมโบราณมาจนถึงปัจจุบันในฉบับย่อเพียง 1ชั่วโมงกว่า ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของโครงกระดูกและของใช้เหล่านี้เคยมีอยู่จริงเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว

จบทริปท่องเที่ยวประจำวันแรกของการเดินทาง ดูจากแผนที่เพิ่งเดินทางมาได้เพียงครึ่ง ทำให้ผมต้องทำความเร็วในการขับรถเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ขับรถผ่านอำเภอหนองหาน ทางเข้าบ้านดุง เลยผ่านไปที่สว่างแดนดิน ผมกดโทรศัพท์หาพี่บี้พี่สาว Adminของ รพร.สว่างแดนดินคนเก่ง  แต่ก็เพียงแค่โทรคุยทักทายเพราะยังต้องเดินทางไปอีกไกล ผ่านอำเภอพังโคนเห็นป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปวานรนิวาส เส้นทางผ่านที่ผมเพิ่งไปมาเมื่อครั้งจัดประชุมเครือข่ายสัญจร ครั้งที่ 7  ผมขับรถเลยผ่านไปเรื่อยๆจนเข้าเขตจังหวัดสกลนคร ผ่านโคกศรีสุพรรณ จนกระทั่งแสงอาทิตย์สุดท้ายลาลับขอบฟ้าอำเภอนาแก..

ครอบครัวผมเลือกแวะที่ "ร้านครัวนาแก"เพื่อฝากท้องมื้อค่ำ ดูระยะทางห่างจากจังหวัดมุกดาหารอีกไม่มากนัก บุญมีโทรเข้ามาสอบถามและแนะนำเส้นทางไปบ้าน แต่สุดท้ายก็นัดแนะเจอกันที่บิ๊กซี เพราะเพื่อนมีภาระกิจที่ต้องไปประชุมนอกรอบกับเพื่อร่วมงาน จึงให้ต้อย แม่บ้าน มารับและพาไปที่พักแทน หลังจากใช้เวลาอยู่ที่บิ๊กซีมุกดาหารอยู่พักใหญ่ๆ เพื่อรอต้อยซื้อของกินของใช้ หลังจากนั้นจึงเดินทางกันออกไปนอกเมืองอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าบ้านม่วงหัก ซึ่งบ้านของบุญมีอยู่หลักแรกติดปากทางเข้าหมู่บ้าน จึงเป็นอันสิ้นสุดการทางเดินทางในวันแรก รวมระยะทาง 506 กิโลเมตร

หลังจากเก็บของเข้าห้องพัก อาบน้ำ เด็กๆและแม่บ้านต่างก็ขอพักด้วยความเหนื่อยอ่อน ในขณะที่ผมยังมีงานค้างที่ต้องทำ คือการเตรียมการสอนในวันพรุ่งนี้ เลยนั่งคุยกับต้อยนั่งรอพี่แฮฟ(Have) ซึ่งผมมารู้ที่หลังว่าชื่อที่เขาเรียกกันว่า พี่แฮฟ พ่อแฮบ อาจารย์แฮฟ มาจากคำว่า "มี"ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Have  เลยเป็นที่มาชื่อเล่นของบุญมี  ซึ่งคืนนั้นกว่าเพื่อนจะได้เข้าบ้านก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าก็เลยได้นั่งคุยกันจนดึก ก่อนที่จะใส่คอนเวิร์สไปนอนห้องใครห้องมัน

15 ตุลาคม 2555
เสียงผู้คนพูดคุยกันเป็นนาฬิกาปลุกผมโดยธรรมชาติตั้งแต่หกโมงเช้า  ผมลุกออกจากห้องด้วยอาการวัวเงียเล็กน้อย เห็นต้อยกำลังสาละวนกับการดูแลคนไข้ที่มาตรวจรักษาตั้งแต่เช้า ส่วนบุญมีกำลังขายปุ๋ยให้กับลูกค้า สามีภรรยาคู่นี้นอนดึกแต่ตื่นเช้ากันทั้งคู่..

บ้านบุญมี&ต้อยที่บ้านม่วงหัก

กว่างานราษฎรจะเสร็จก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงกว่า บุญมีขอเข้าไปเคลียงานหลวงที่สำนักงานก่อนที่จะมาแวะรับเพื่อพาผมไปที่โรงพยาบาลหนองสูง ส่วนต้อยลาพักร้อนเพื่อรับอาสาพาครอบครัวผมไปเที่ยว ซึ่งมีการวางแผนโปรแกรมการท่องเที่ยวสำหรับวันนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้ผมได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรอย่างสบายใจ แต่กว่าพี่แฮปจะพาผมออกเดินทางไปกันได้กว่าจะไปถึงก็เกือบสิบโมงเช้า..

ตามประวัติหนองสูงยกฐานะจากกิ่งอำเภอเป็นอำเภอหนองสูงเมื่อปี 2536 ตัวอำเภออยู่ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารประมาณ 50 กิโลเมตร มีคำขวัญประจำอำเภอว่า "หนองสูงถิ่นผู้ไท เมืองพระไกรสรราช ตาดโตนน้ำตกสวย ห้วยบังอี่น้ำใส ผ้าไหมเลิศหรู ภูจ้อก้อแหล่งวัฒนธรรม ล้ำลึกพิธีเหยา ทิวเขางามตา" ซึ่งบุญมีกับต้อยย้ำหนักหนาว่าผมและครอบครัว น่าจะแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่หนองสูงระหว่างเดินทางกลับ แต่ก็พลาดโอกาสไปเพราะเวลาจำกัด

ที่โรงพยาบาลหนองสูง จุฬาเพื่อนรักร่วมรุ่นอีกคน ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายแผนงานที่นี่ ก่อนหน้านี้ติดต่อกับผมผ่านทาง Skype เรื่องปัญหาข้อมูล HOSxP ของทางโรงพยาบาลที่ยังคาราคาซัง ซึ่งผมเคยรีโมทมาแก้ฐานให้ครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะรับคำเชิญชวนจากเพื่อนให้เดินทางมาช่วยที่โรงพยาบาล จากการสอบถาม จุฬาเล่าให้ผมฟังว่าเคยเชิญทางบริษัทมาช่วยแก้ปัญหาให้หมดเงินค่าฝึกอบรมดำเนินการไปกว่าสองแสนบาท ทั้งเคยเชิญเพื่อนๆที่หนองหานมาช่วยแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ทันทีที่ฟังจบความรู้สึกผมเหมือนกำลังแบกโอ่งยักษ์ที่ใส่น้ำ 2,000ลิตรไว้เต็มๆทันที นี่ขนาดตัวแทนบริษัทที่เป็นเจ้าของโปรแกรมเขาก็ยังเคยส่งคนมาช่วยแต่ก็ยังเอาไม่อยู่ แล้วนี่ทีมงานโรงพยาบาลหนองสูงจะหวังอะไรจากผมได้บ้างละเนี่ย

ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องประชุม เหมือนโดนสปอตไลท์ส่องสว่างจับขึงผมอยู่กลางเวที ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ผมมันน่าจะเป็นการเปิดตัววิทยากรที่สวยงามมาก ถ้าขณะนั้นไม่ใช่เวลาสิบโมงเช้าแล้ว ผมจึงได้แต่ฝากคำขอโทษผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นตัวแทนจากหลายหน่วยงานของโรงพยาบาลหนองสูงและ Admin จากโรงพยาบาลอื่นๆในจังหวัดมุกดาหารรวมๆแล้วประมาณ 30 คน ที่ต้องเสียเวลามารอผมเสียนานนนน นานยิ่งกว่าโปรแกรมชั่นของ 1-2 call

หลังจากที่ตั้งหลักได้ ผมเริ่มต้นเปิดประเด็นด้วยการพูดถึงเรื่องการพัฒนาระบบสารสนเทศโรงพยาบาล และถือโอกาสย้อนประวัติศาสตร์ของ HOSxPเพื่อปูพื้นฐานการรับรู้ร่วมกัน ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาของ HOSxP แต่ละโมดูล  ซึ่งวิธีที่ผมถนัดคือการใช้วิธีเรียนรู้ร่วมกันจากคำถาม และตอบแบบผสมผสานไปกับระบบคุณภาพ HAที่ผมคิดว่าฟังแล้วย่อยเข้าไปในหัวได้ง่ายและเห็นภาพมากกว่าที่จะพูดเรื่องโปรแกรม HOSxP เพียงอย่างเดียว  ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปสำหรับการแนะนำวันแรกผมรู้สึกได้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมตั้งใจฟังดีมากนะครับมีการสอบถามโต้ตอบกับผมเป็นระยะๆ จนล่วงเลยไปจนถึงสี่โมงเย็นกว่าๆ จนต้องขอยกยอดเนื้อหาไปคุยกันต่อวันพรุ่งนี้

เย็นวันนี้ ครอบครัวผมและครอบครัวเพื่อนมีนัดทานอาหารเย็นกันในร้านในเมืองมุกดาหาร โดยบุญมีรับเป็นเจ้าภาพ  ซึ่งเป็นมื้อค่ำสำหรับเพื่อนและคนครอบครัวจริงๆ พวกเราพูดคุยไถ่ถามความเป็นไปของแต่ละครอบครัวอย่างสนุกสนาน เรื่องเก่าเล่าความหลังช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้อิ่มท้องและอิ่มใจ ที่ทำให้รู้สึกได้ว่าแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ความสัมพันธ์ยังคงเหมือนเดิม ลูกๆของพวกเราโตขึ้นบางคนกำลังจะเป็นหนุ่มเป็นสาว ในขณะที่พวกเราดูแก่ลง สังขารเปลี่ยนแปลงไปตามวัย แต่ใจยังเกินร้อยและที่สำคัญ มิตรภาพความเป็นเพื่อนตลอด 22 ปี ยังคงมั่นยืน..

เมื่อกลับถึงบ้านพัก เด็กๆและแม่บ้านต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็เข้านอนเพราะเหนื่อยจากการตะลอนทัวร์มาทั้งวัน ส่วนผม บุญมีและต้อยยังมานั่งคุยกันต่อตามประสาขานอนดึก(ประจำ) คืนนี้มีไวท์แดงตบตูดปิดท้ายผมก็ไม่ขัดศรัทธา นั่งดื่มพูดคุยกับเพื่อนกันจนหมดขวด  ก่อนจะแยกย้ายไปไปนอนตอนหนึ่งนาฬกา..

(อ่านต่อ..ตอนที่ 2)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น