วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Countdown : OPD Paperless

6/8/2557 เหลือเวลาอีก 25 วัน
OPD Paperless เหลือเวลาอีก 25 วัน ที่จะดูข้อมูลประวัติผู้ป่วยผ่านระบบสแกนทั้งหมด
วันนี้ผมได้นำเสนอข้อมูลให้ทางคณะกรรมการบริหารคุณภาพพิจารณาแนวทางการดำเนินงานในวันที่ 1 ก.ย.57 นี้ ที่จะมีการยกเลิกการค้นแฟ้ม opd card ซึ่งประเด็นสำคัญที่ได้นำเสนอไว้คือ

  1. ปัญหาการสแกน opd card ไม่ครบทุก visit สาเหตุเกิดจาก 
    • opd card สูญหายไปอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ
    • ผู้ป่วยบางรายนำติดตัวกลับไปด้วย
    • การสแกนไม่ครบ จากเจ้าหน้าที่ห้องบัตรเอง
      ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้แพทย์ พยาบาลไม่มั่นใจในการดูข้อมูลจากระบบสแกน และจากการดำเนินงานที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 57 เริ่มพบปัญหาว่าข้อมูลในแฟ้มเวชระเบียนเริ่มมีข้อมูลกระดาษที่ไม่ครบมากขึ้นเนื่องจากการเก็บเอกสารเป็นวัน โดยข้อมูล visit ที่สมบูรณ์จะอยู่ในโปรแกรม HOSxP การแก้ปัญหาระยะยาวที่ดีที่สุดคือบันทึกข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นลงใน HOSxP ให้มากที่สุด และศูนย์คอมพิวเตอร์ได้พัฒนาระบบดูเอกสารแบบ scan และ html เพื่อให้สามารถดูได้ทุก visit
  2. คลินิกพิเศษบางคลินิก เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่ผู้ป่วยจำนวนมาก ยังอยู่ในระหว่างการถ่ายโอนข้อมูลเก็บใน hosxp จึงขยายเวลาสำหรับคลินิกพิเศษให้ค้น opd card สำหรับการนัดตรงวัน ดังนี้ครับ
    1. งานผู้ป่วยนอก / ฝ่ายเวชปฏิบัติครอบครัว ยกเลิกการค้น opd card ทั้งหมด ยกเว้นคลินิกพิเศษ ดังต่อไปนี้ที่ยังต้องค้น opd card ครับ
      • คลินิกเบาหวาน ความดัน opd
      • คลินิกเบาหวาน ความดัน เวชปฏิบัติครอบครัว
      • คลินิกโรคตา
      • คลินิกจิตเวช
      • คลินิก wafarin
      • เยี่ยมบ้าน
    2. ฝ่ายทันตกรรม,แพทย์แผนไทย,ฝ่ายเวชกรรมฟื้นฟู ยกเลิกการค้น opd card
    3. งานอุบัติเหตุฉุกเฉิน : ค้น opd card ตามคำร้องขอของแพทย์/พยาบาล
    4. งานผู้ป่วยใน 1-3 : ค้น opd card เก็บไว้ใน chart
  3. ในระยะต่อไปหลังจากเริ่มนิ่งแล้วและบุคลากรทุกคนบันทีกข้อมูลที่สำคัญลงใน hosxp จะมีการปรับเปลี่ยนจากการพิมพ์ opd card เป็นการพิมพ์ใบสั่งยาแทน เพื่อป้องกัน opd card สูญหาย และยกเลิกการ scan เอกสารผู้ป่วยนอก 

สิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกันนะครับว่าการจัดการระบบสารสนเทศของโรงพยาบาลไม่ยากและไม่ง่าย มีปัจจัยหลายอย่าง และมีหลายวิธีในการดำเนินงานบางโรงพยาบาลอาจจะช้า บางโรงพยาบาลอาจจะเร็ว สำคัญคือการสื่อสารกับคนในองค์กร และการตอบสนองต่อการปัญหา ซึ่งผมคิดว่า รพ.ที่จะใช้ระบบนี้ต่อไปจะง่ายมาก เพราะมีแนวทางแก้ไขปัญหาให้แล้ว


6/8/2557 เหลือเวลาอีก 25 วัน

OPD Paperless เหลือเวลาอีก 25 วัน ที่จะดูข้อมูลประวัติผู้ป่วยผ่านระบบสแกนทั้งหมดนะครับ มีคำถามที่บางท่านยังสงสัย ขอชี้แจงรายละเอียดดังนี้ครับ
  1. opd paperless ที่แจ้งว่าจะไม่ค้น opd card รวมคลินิกพิเศษด้วยหรือไม่?
    • ตอบ ไม่ใช่ครับ ระบบที่จะเริมวันที่ 1 ก.ย.57 ผู้ป่วย/ผู้รับบริการที่จะไม่ค้น opd card ที่แผนกดังนี้
      • opd ผู้ป่วยที่มาตรวจโรค หรือ นัดตรวจโรคทั่วไป
      • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่มาก่อนหรือหลังนัด (สามารถร้องขอ opd card ได้)
      • ฝ่ายเวชปฏิบัติครอบครัว
      • ฝ่ายทันตสาธารณสุข
      • แพทย์แผนไทย
      • กายภาพบำบัด
      • การขอยืม opd card ตัวจริง เช่น นักศึกษายืมเพื่อเก็บข้อมูล (ยกเว้นเยี่ยมบ้าน)
      • คลินิกพิเศษบางคลินิก (รอตกลงกับทางผู้รับผิดชอบคลินิกอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ครับว่าคลินิกใดจะไม่ใช้ opd card )
  2. ในส่วนคลินิกพิเศษโรคเรื้อรังที่มีผู้รับบริการจำนวนมาก เช่น เบาหวาน ความดัน เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการถ่ายโอนข้อมูลสำคัญบางส่วน จึงยังคงใช้ opd card เพื่อความปลอดภัยในการดูแลรักษา แต่จะมีการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อเตรียมรองรับที่จะไม่ใช่ opd card ในวันที่ 1 ม.ค. 58
  3. งาน ER ,LR ,IPD หากระบบการดูผ่าน tablet สามารถใช้งานได้ดีและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ จะไม่ค้น opd card ด้วยเช่นเดียวกันครับ
โดยสรุป คือ opd card จะค้นให้เฉพาะผู้ป่วยคลินิกพิเศษที่มารับบริการตามนัดเป็นหลักครับ ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านพยายามลงบันทึกข้อมูลสำคัญใน HOSxP และดูข้อมูลจากระบบสแกน หรือ hosxp ให้มากที่สุดก่อนครับ 

5/8/2557 เหลือเวลาอีก 26 วัน
OPD Paperless เหลือเวลาอีก 26 วัน ที่จะดูข้อมูลประวัติผู้ป่วยผ่านระบบสแกนทั้งหมดนะครับ
การประชุม กกบ.วันที่ 4 ส.ค.57 เป็นครั้งแรกครับที่หัวหน้างานแต่ละท่านได้พิมพ์วาระการประชุมของหน่วยงานตนเองมาอย่างเรียบร้อย คณะกรรมการแต่ละท่านได้อ่านวาระล่วงหน้าก่อนเข้าร่วมประชุม ทำให้ประชุมใช้เวลาไม่นาน และผมสามารถสรุปรายงานการประชุมได้หลังจากสิ้นสุดการประชุมเพียงไม่กี่นาที ขอบพระคุณกรรมการทุกท่านครับ
กรรมการสารสนเทศได้เสนอความก้าวหน้าในการดำเนินงาน opd paperless ให้คณะกรรมการบริหารทราบ ยังคงยืนยันว่าวันที่ 1 ก.ย.57 นี้ จะยังเป็นไปตามกำหนดเดิม
ขอบคุณคุณหมอสุขุมาล ที่แจ้งผลการดูภาพสแกนแล้วมีปัญหามาให้ทราบ วันนี้ผมจะเร่งตรวจสอบและแก้ไขให้ครับ
มีเรื่องเล่าจากน้องๆ โรงพยาบาลแห่งอื่นถึงเรื่องปัญหาการเก็บเวชระเบียน จึงได้มีการนำเสนอต่อผู้บริหาร วิธีการแก้ปัญหาที่เป็นระบบสแกนเอกสารหรือ paperless แต่กลับได้การขยายห้องเวชระเบียนและซื้อชั้นเพิ่ม ประโยคที่สนทนากันแล้วน่าโดนใจมาก คือ " การแก้ปัญหาวิธีนี้เป็นเพียงการปัดปัญหาในวันนี้ให้ไปกองในวันข้างหน้าเท่านั้นเอง เพราะสุดท้าย ในอนาคตองค์กรก็จะต้องมาเผชิญกับปัญหาเดิมๆอีก ต่างกันที่จะมีขนาดใหญ่กว่า ยุ่งยากมากกว่า"
นึกถึงวันที่่โรงพยาบาลของเราเริ่มทำระบบคุณภาพ HA เมื่อหลายปีก่อนนะครับ ผ่านการรับรองมาแล้วหลายครั้ง ถึงวันนี้บางโรงพยาบาลในจังหวัดเลยเพิ่งได้รับการรับรอง บางโรงพยาบาลกำลังเริ่ม และบางโรงพยาบาลไม่รู้จะเริ่มทำอะไร อย่างไร ..

4/8/2557 เหลือเวลาอีก 27 วัน
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ได้พักยกกัน 2 วัน ก่อนที่จะกลับมาลุยงานกันต่อ วันนี้ผมได้บรรจุวาระเพื่อนำเสนอความคืบหน้าให้กับคณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาลทราบ และสอบถามความคิดเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการว่าในวันที่ 1 ก.ย.57 นี้ ทางคณะกรรมการท่านใดมีความเห็นเพิ่มเติม หรือต้องการเสนอให้เลื่อนไปอีกหรือไม่ มติที่ประชุมสรุปให้เดินหน้าตามแผนที่กำหนดไว้
กำหนดการในสัปดาห์นี้ ผมต้องนำเสนอการดู opd card บน Tablet ให้กับพยาบาล และแพทย์ที่งานอุบัติเหตุฉุกเฉิน และหอผู้ป่วยใน ซึ่งจะได้ทดสอบระบบด้วยว่าสะดวกกับผู้ใช้งานหรือไม่อย่างไร รวมถึงระบบ network ด้วยว่ามีอะไรที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรคที่จะต้องแก้ไขอีกหรือเปล่า
การสื่อสารให้ทีมบริหารทราบ เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกของทุกๆงานครับ โดยเฉพาะงานนี้มีการสื่อสารทั้งพูดคุยส่วนตัว ในการประชุมที่เป็นทางการ และการสื่อสารใน Facebook หรือ line ของกลุ่ม การนับเวลาถอยหลังและรายงานผลความคืบหน้าก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งครับ ที่ผมหวังผลการสื่อสารให้ไปถึงผู้บริหาร หัวหน้างาน ผู้ปฏิบัติโดยตรง โดยใช้หลักซ้ำๆ บ่อยๆ
วันที่องค์กรใหญ่ขึ้น คนไข้มากขึ้น ระบบงานซับซ้อนมากขึ้น การแก้ปัญหาภาระงานที่มีความสำคัญโดยเฉพาะงานที่เป็นจุดเริ่มต้นของงานอย่างเวชระเบียนผู้ป่วย เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า ผู้นำองค์กรในยุคนี้ไม่ควรมองแบบผ่านๆ ผมได้รับทราบว่าบางโรงพยาบาลแก้ไขปัญหาง่ายๆ ด้วยการขยายห้องเวชระเบียนให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งจริงๆเป็นเพียงการปัดปัญหาในวันนี้ให้ไปกองในวันข้างหน้าเท่านั้นเอง เพราะสุดท้าย ในอนาคตองค์กรก็จะต้องมาเผชิญกับปัญหาเดิมๆอีก ต่างกันที่ขนาดใหญ่กว่า ยุ่งยากมากกว่า ถึงตอนนั้นระบบขององค์กรอาจจะใหญ่โต อุ้ยอ้าย ผู้คนในหน่วยงานต่างมีอาณาจักรของตัวเอง แตะหน่วยงานไหนก็ลำบาก คุยกันทีก็ลำบาก
ระบบสารสนเทศที่ไม่มีการพัฒนา หรือปรับเปลี่ยนอะไรใหม่(ที่ดีกว่า)ให้เกิดขึ้นในองค์กร ผลเสียที่ตามมา คือ การยึดติดรูปแบบและวิธีการเดิมๆของการทำงาน เพราะเคยทำมาแบบนี้ งานหนัก ทำเต็มที่แล้ว ฯลฯ สุดท้ายก็จะไม่ยอมเปลี่ยนหรือเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนยากมาก องค์กรจะไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่ชอบขยับออกกำลังกาย กินนอน อยู่นิ่งๆ ไปวันๆ สะสมไขมันไปเรื่อยๆ สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวก็เป็นคนอ้วนลงพุงเสียแล้ว คนอ้วนที่จะทำอะไรก็ดูลำบากไปหมด ถึงตอนนั้นอยากจะลดน้ำหนักด้วยการทำ T50 ก็คงไม่ไหวแล้ว เพราะทำวันสองวันก็จะต้อแต้ เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ หมดแรงไปซะก่อน







1/8/2557 เหลือเวลาอีก 31 วัน
ตามแผนพัฒนาโครงสร้าง เรื่องเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรองขนาด 500 กิโลวัตต์ ได้การติดตั้งระบบเรียบร้อยทำให้ระบบไฟฟ้าของโรงพยาบาลมีความเสถียรและไม่มีปัญหาไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน ลดปัญหากวนใจผู้ใช้งานได้เยอะทีเดียวครับ  สำหรับงานสารสนเทศมีแผนการพัฒนาเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล ผมได้รับอนุมัตให้สั่งซื้ออุปกรณ์ใหม่ เพิ่มขึ้นอีก ดังนี้ครับ 
  1. Storage QNAP TS-870U PRO 
    • HDDHot Swap NL-SAS 2TB X 8 Unit 
    • Support Raid JBOD,0,1,5,5+Hot spare,6,6+Hot spare,10,10+Hot Spare 
    • Dual Gigabit Ethernat รองรับการ์ด Dual 10GB Ethernet 
    • Support External HDD Backup 
    • Power Supply Redundancy Hot Swap 
  2. เครืองสำรองไฟฟ้า ยีห้อ APC รุ่นAPC-SURTD3000XLI Power 3KVATrue Online Double Convertion 
และวันนี้ทางทีมงานมีพยาบาลทยอยเข้ามาปรึกษาเรื่องระบบรายงานกันมากขึ้นครับ เพื่อที่จะลงบันทึกข้อมูลให้ครบถ้วน และรายงานที่ต้องการหลังจากที่จะเปลี่ยนเป็นระบบ opd paperless เต็มระบบ แต่ก่อนข้อมูลจะเก็บด้วยการเขียนด้วยลายมือไว้ใน opd card แต่ถ้าจะเปลี่ยนไม่ใช่ opd card ทีมงานจึงจำเป็นต้องปรับวิธีการลงบันทึกและเก็บข้อมูลกันพอสมควร

ในส่วนของการพัฒนา Tools เพื่อรองรับระบบดู Patient EMR สำหรับแพทย์ เภสัช พยาบาลคลินิกพิเศษ อาร์มกำลังพัฒนาการดูข้อมูลจากระบบสแกน โดยให้แสดง visit เท่ากับใน patient EMR ส่วน visit ไหนที่ไม่มีการสแกน ให้ทำสัญลักษณ์แจ้งเตือนไว้ และการพัฒนา Doctor EMR ซึ่งทำมาบ้างแล้วบางส่วนยังคงต้องพูดคุยกับทางทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชผู้ใช้งานในสัปดาห์หน้าเพื่อปรับปรุงอีกครั้ง 
ข่าวดีที่มีให้ชื่นใจได้หายเหนื่อยบ้าง คือ รายงาน doctor-opdcard-EMR ได้รับผลตอบรับที่ดีครับ เพราะสามารถ preview ดูข้อมูลได้ครบถ้วน เห็นได้ชัดว่าใครลงไม่ลงข้อมูลอย่างไร 



 31/7/2557 เหลือเวลาอีก 32 วัน

วันนี้มี อาร์มพัฒนาการดูภาพสแกน ใน HOSxP และ ดูผ่าน Web Browser ซึ่งปัญหาก่อนหน้านี้คือ การดูภาพสแกนจะมีขนาดไม่พอดีกับหน้าจอ ทำต้องเสียเวลามาปรับขยาย จึงได้ปรึกษากันว่าน่าจะทำให้หน้าจอของภาพสแกนพอดีสำหรับการดูเลย โดยไม่ต้องมาปรับขนาดอีก  วันนี้ได้ปรับแก้ไขตรงนี้เรียบร้อยแล้วครับ อีกจุดที่เป็นปัญหาของระบบสแกนคือ การสแกนไม่ครบทุก visit ครับ ทำให้มีเสียงสะท้อนจากผู้ใช้ว่า แพทย์ เภสัช หรือพยาบาลเจ้าของคลินิกพิเศษ เพราะบางครั้งคนไข้คลินิกพิเศษอาจจะมาตรวจไม่ตรงกับที่นัด มาก่อน หรือมาทีหลัง หรือมาด้วยกรณีฉุกเฉินบางอย่าง ระบบสแกนที่สแกนไม่ครบทีมรักษาจะไม่ทราบว่าวันที่หายไปมาด้วยอาการอะไร และรักษา หรือวินิจฉัยอย่างไร ผมจึงให้อาร์มแก้ไขการแสดงผลวันที่ด้านซ้ายของระบบสแกน ให้มี visit เท่ากับ Patient EMR ของ HOSxP ส่วนวันไหนถ้าไม่ได้สแกน จะช่วยให้แพทย์ พยาบาลได้ทราบว่ามีการเคยมาตรวจ และอาจจะได้ย้อนกลับไปดูใน HOSxP อีกครั้ง ถ้าจำเป็น


30/7/2557 เหลือเวลาอีก 33 วัน

ในทีมเครือข่ายพัฒนาระบบสารสนเทศมีข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับการลงข้อมูลแจ้งการ off ยาของแพทย์ โดยให้ไปลงใน PE แทน ซึ่งจะได้นำข้อมูลนี้ไปปรึกษากับทางแพทย์และเภสัชกรอีกทีว่าจะเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายหรือไม่

วันนี้อาร์มปรับฟอร์ม doctor opd card EMR สำหรับใช้ audit เวชระเบียน ซึ่งเป็นฟอร์มขนาด A4 ที่มาของอาจารย์ขวด มาปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อมูลมีความครบถ้วนและตรงใจกับผู้ใช้งาน ให้มากที่สุด ประเด็นที่ผมให้ความสำคัญของการออกแบบตรงนี้ เพราะเวลาพิมพ์ออกมามันเป็นลักษณ์ one page ซึ่งง่ายสำหรับการดูครับ ใน HOSxP มีข้อมูลเยอะมากแต่ก็ต้องคลิกเยอะ หลายหน้าต่าง ทำอย่างไรที่เราจะออกแบบชุดข้อมูลที่ง่ายคล้ายกับ opd card ที่คุ้นเคย หน้าเดียวจบ ผมให้โจทย์อาร์มลองคิดต่อกับโปรแกรมสแกนของคุณประเสริฐว่า ในบางวันที่ข้อมูลของผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้สแกน สามารถทำให้โชว์หน้า preview ของฟอร์ม EMR ตัวนี้แทนได้หรือไม่?  ความตั้งใจผมคือจะเป็นตัวโชว์ที่ให้ทีมมั่นใจว่าข้อมูลที่ลงไปคุ้มค่า และได้ผลแสดงออกมาได้อย่างแน่นอน




............................................................................................................................

29/07/2557 เหลือเวลาอีก 34 วัน
เมื่อวานพยาบาลคลินิกพิเศษ ได้มาปรึกษาเรื่องการลงข้อมูลในโปรแกรม HOSxP ซึ่งต้องมีการเปิดหน้าจอเพื่อลงบันทึกข้อมูลระหว่างหน้าจอคัดกรองของพยาบาลและหน้าจอของแพทย์ ทำให้รู้สึกยุ่งยากและเสียเวลา ผมจึงสอบถามว่ามีอะไรบ้างที่ลงไม่ได้ในหน้าจอของพยาบาล เมื่อได้รับทราบปัญหา จึงสาธิตการลงบันทึกข้อมูลในหน้าจอคัดกรองของพยาบาล เช่น การส่งปรึกษาแพทย์ การลง Dx การลงจ่ายยา การดูหรือลงบันทึข้อมูลในคลินิกพิเศษ ฯลฯ ซึงสามารถลงบันทึกผ่านหน้าจอของพยาบาลได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องเปิดสลับกับหน้าจอห้องตรวจแพทย์


หน้าจอคัดกรองของพยาบาลสามารถลงบันทึกข้อมูลได้เช่นเดียวกับหน้าจอห้องตรวจแพทย์
............................................................................................................................

28/07/2557 เหลือเวลาอีก 35 วัน
วันนี้ผมได้พูดคุยเพื่อรับฟังความคิดเห็นของเภสัชกร เกี่ยวกับการใช้ opd card โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งมีประเด็นเรื่องที่เกี่ยวกับการ off ยาบางรายการของแพทย์ ซึ่งปกติแพทย์จะเขียนบันทึกใน opd card บอกเภสัชว่า off ยารายการนี้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนมาเป็น paperless จะสื่อสารกันได้อย่างบ้างเพื่อให้เภสัชรู้ว่ารายการยาดังกล่าว มีการเปลี่ยนเแปลง ที่สะดวกสำหรับการดูย้อนหลัง โปรแกรม HOSxP สามารถกำหนดให้แสดงรายการยาที่มีจำนวน เท่ากับ 0 ได้ ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถจะลงบันทึกข้อมูลยา ดังกล่าว กำหนดจำนวนเป็น 0 และลงวิธีการกินเป็น off เมื่อผู้ป่วยไปรับยา โปรแกรมจะแสดงรายการยาเป็นสีแดงเตือนเภสัชว่ายาตัวนี้ off การใช้งาน


กำหนดค่าใน system setting เพื่อไม่ให้โปรแกรมลบจำนวนยาที่มี 0 ออกจากห้องยา


แพทย์ลงบันทึกจ่ายยา หรือ Remed ยา แต่ระบุวิธีใช้เป็น off และลงจำนวน เท่ากับ 0


หน้าจอจ่ายยาของเภสัชกร โปรแกรมแสดงรายการยาเป็นสีแดง พร้อมกับวิธีใช้ว่า off หยุดกินยาตัวนี้

............................................................................................................................

27/07/2557 เหลือเวลาอีก 36 วัน
ประชุมชี้แจงองค์กรแพทย์ เกี่ยวกับการลงบันทึกข้อมูลใน HOSxP และการดูผลบันทึกข้อมูลผ่านระบบ opd scan ที่มีการปรับใหม่ โดยเฉพาะระบบ DOCTOR EMR ที่มีข้อมูลโภชนการ ข้อมูลประวัติเรื่องยาของเภสัช รวมถึงการปรับหน้าตาของ patient EMR ที่สามารถดูแบบ A4 มีข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับใช้ในการ Audit เวชระเบียน ซึ่งฟอร์มนี้โดนใจพยาบาลมาก เพราะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าการลงข้อมูลสำคัญอย่างไร อะไรที่ไม่ได้ลง หรือลงไม่ถูกต้อง
Cr. Doctor opdcard A4 อ.ขวด


............................................................................................................................

15/07/2557 : เริ่ม Countdown
ประชุมชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นปัญหา opd paperless 






วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

VPN เหตุเพราะผมเป็นคนผมขี้เกียจ..


"บิล เกตส์ เคยบอกว่า เขามักจะใช้คนขี้เกียจทำงานยาก 
เพราะคนเหล่านั้นจะหาวิธีที่ง่ายมาใช้ในการทำงาน.."


บ่อยครั้งที่แม่บ้านผมต้องขนเอางานกลับมาทำนี่บ้าน ซึ่งคุณเธอมักจะบ่นลอยๆไปกับลมฟ้าลมฝนว่าแหมเราน่าจะใช้ HOSxP อยู่ที่บ้านได้นะ แถมชายตาชำเลืองมองทางผมพร้อมรอยยิ้มเหมือนเยาะเย้ย ถากถางประมาณว่า "ไอทีนะ ทำได้หรือเปล่า (เสียงสูงปิ๊ดดด)!!!!  "

ผมเคยลองให้ใช้ Team Viewer รีโมทผ่านเครื่องที่บ้านไปทำงาน แม้จะดูเหมือนใช้งานได้ง่ายแต่ขนาดของภาพมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร พูดง่ายๆผู้ใช้ไม่แฮปปี้ เธอเลยงอนตุ๊บป่องๆไม่ยอมใช้ต่อหลังเลิกงานหรือวันหยุดที่เป็นช่วงเวลาควรจะพักผ่อนกลับมาอยู่ที่บ้าน กลับต้องทำงานล่วงเวลาหรือไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในวันหยุด งานบ้านทั้งหลายภาระก็มาตกอยู่ที่ผมคนเดียวสิครับ แหมของแบบนี้ใครจะยอม อิอิ

มันเป็นความขี้เกียจของผมอีกอย่างหนึ่ง คือ เวลาที่โดนโทรตามไปแก้ปัญหา HOSxP หรือบางทีทำงานอยู่ที่อื่นแต่จำเป็นต้องดูแลแก้ไขข้อมูลที่โรงพยาบาล  แต่ก่อนต้องขับรถไปแต่ถ้าดึกๆมา หรืออยู่ที่ไกลมากจะขับรถไปๆกลับๆ คงไม่ไหว ช่วงหลังมาจึงใช้วิธีรีโมทผ่าน Team viewer ซึ่งเป็นโปรแกรมสารพัดประโยชน์ละครับ ใช้ทั้งรีโมท ประชุมปรึกษางาน ส่งไฟล์กลับมาบ้าน สะดวกอย่างนี้แต่ความขี้เกียจไม่เข้าใครออกใครครับ ยิ่งตอนนี้ตัวขึ้นขนแล้ว เพราะอยากจะให้ทำงาน HOSxP ได้เหมือนที่แม่บ้านผมต้องการ

ดังนั้นครับ วันนี้มาทำความรู้จักความขี้เกียจของผมกับเรื่องราวของ VPN Teamviewer
ใครที่ใช้ Team viewer มานานแล้วคงจะรู้ว่าพี่ทีม มีฟังก์ชั่นการทำงาน 3 แบบ คือ Remote Control, File Transfer และ VPN แต่อาจจะยังไม่เคยใช้ หรือเคยพยายามใช้แต่มันไปต่อไม่ได้ เพราะยังไม่เข้าใจวิธีการใช้งานของมัน


แล้ว VPN มันคืออาราย..หรือครับ  อืม คือ ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ สำหรับท่านที่ยังไม่ค่อยเข้าใจถ้าอยากรู้รายละเอียดจริงๆ แนะนำว่าอาจารยกรูคงจะช่วยให้รายละเอียดท่านได้ดีกว่าผมแน่นอน..

โจทย์ปัญหาของผม คือ ผมจะใช้งาน HOSxP ในขณะที่อยู่นอกโรงพยาบาลได้อย่างไร? ไม่ใช่แบบว่ารีโมทไปทำ หรือสำรองเอาฐานข้อมูลไปใช้ คืออยากใช้แบบเหมือนนั่งทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเลยนะครับ โอเคครับ ถ้าท่านตั้งคำถามเดียวกันกับผม คงมีคนตอบให้ว่าก็ทำ VPN นั่นปะไร คำถามต่อไปก็คือ แล้วทำอย่างไรละครับ

คำตอบอยู่ตรงนี้.. ก่อนอื่นเรามาเตรียมความพร้อมที่จะเล่นแร่แปรธาตุ ปาดซ้าย ปาดขวา มาดูว่าผมมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ดังนี้ครับ
  1. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน ติดตั้ง Team Viewer ในกรณีนี้ผมติ้งต่างว่าผมตั้ง user ในการ Login เข้าใช้งานคอมพิวเตอร์เป็น dansai และรหัสผ่าน 12345  และ ตั้ง IP เป็น 10.0.0.55 ต่อไปผมจะเรียกมันว่าเครื่อง VPN ที่ทำงาน
  2. เครื่อง ติดตั้ง  Team Viewer (เครื่องนี้ปกติผมเอาไปใช้ที่ทำงานต่อสายแลน  เข้าใช้งาน HOSxP ) และตั้ง IP ไว้ที่ 10.0.0.99 ) และผมจะเรียกเครื่องนี้ว่า VPN ที่บ้าน
แหม ถ้ามีแค่นี้แล้ว จอบอ. จบ ผมคงโดนตืบแน่ๆ ต่อไปเป็นการตั้งค่า Team Viewer นะครับ โดยวิธีการตั้งค่าทั้งเครื่อง VPN ที่ทำงาน และ VPN ที่บ้าน  เหมียนกัลลสส์ เป๊ะ โดยให้ตั้ง Team Viewer ทั้งเครื่องที่ทำงาน และเครื่องที่บ้านให้เรียบร้อย และตั้งค่าดังนี้ครับ

1). ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องทำที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่อง**

1. ไปที่เมนู Extras--> เลือก Options


2. เลือกเมนู Advanced
3. ที่ช่องด้านขวา จะมีปุ่ม Show advanced option คลิกเลยอย่ารอช้า


4. เลือกลงไปด้านล่าง จนเจอคำว่า Advanced network settings  
5. เลือก Install VPN driver และรอสักครู่จนกระทั่งพี่ทีมเขา ติดตั้ง driver เสร็จ 


6. เปิดใช้งาน teamviewer โดย conncet เครื่อง VPN ที่บ้าน ไปยังเครื่อง VPN ที่ทำงาน โดยคลิกเลือก
    ตรง VPN และกด Connect to parther


Team viewer จะแสดงข้อมูลการเชื่อมต่อ โดยให้ดูที่ช่อง Your IP คือ IP เครื่อง VPN ที่บ้าน เครื่องที่เรากำลังใช้งานนั่นเอง  ส่วนช่อง IP of Partner คือ IP เครื่อง VPN ที่ทำงาน ที่เปิดทิ้งไว้ ให้จำหมายเลข IP
of Pather ให้ดีๆนะครับ เพราะจะต้องนำไปใช้งานในขั้นตอนต่อไปครับ



2). ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการสร้างจุดรับการเชื่อมต่อที่เครื่อง VPN ที่ทำงาน
1. ไปที่ Control Panal ---> Network and Sharing Center ที่แถบทางด้านซ้าย คลิกที่ Chang adapter settings



2. กดปุ่ม Alt ที่แป้นคีย์บอร์ด 1 ครั้ง จะมีเมนูแสดงขึ้นมาให้คลิกที่ File > New Incoming Connection


3. เลือก user  ที่จะให้สิทธิ VPN (ซึ่งเป็น user ที่ใช้ Log in) เสร็จแล้วคลิก next


4. Allow connections to this computer ติ๊กเครื่องหมายถูกหน้า Through the Internet --> กด Next


5. เลือก Internet Protocal Vesion 4 (TCP/IPV4) ---> Properties


6. ติ๊กเครื่องหมายถูกที่หน้า Allow callers to access my local area network และกำหนดช่วงของ Specify
    IP address ที่ไม่ได้ใช้งาน ให้ตั้งค่า IP ตามวงแลนของของเครื่อง VPN ที่ทำงานนะครับ และอย่าลืม
    คลิกที่ Allow calling computer to specify its own IP address และกดปุ่ม OK


3). ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการตั้งค่าเครื่อง  VPN ที่บ้าน 
1. ไปที่ Control Panel > Network and Sharing Center
2. คลิก Set up a new connection or network เลือก Connect to a Workplace แล้วคลิกที่ Next


3. คลิกที่ Use my Internet connection(VPN)


4. ในช่อง Internet address ให้นำเขาที่ได้จาก IP of Parther มาใส่ในช่องนี้ --->กด Create


5. หลังจากนั้นจะได้  VPN Connection คลิกขวาเลือก Properties


6. เลือก Tab  Networking--> Internet Protocol Version 4 (TIP/IPV4)--> Properties




7. ที่ Tab  IP Setting อย่าลืมเอาเครื่องหมายถูกหน้า Use default gateway on remote network ออก กดปุ่ม
    OK เป็นเสร็จพิธี

หลังจากนั้นคลิก Connect เพื่อเชื่อมต่อกับ VPN  Network  ระบบจะถาม Usename และ password ของเครื่อง VPN ที่ทำงาน




เชื่อมต่อเสร็จ เปิดโปรแกรม HOSxP เข้าใช้งานด้วยรหัสผ่านตามปกติ ซึ่งจะสามารถเข้าทำงานได้เหมือนย้ายก้นไปนั่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลทีเดียวเชียวละขอรับ...


ด้วยความขี้เกียจ ทำให้บันทึกเรื่องราวนี้อยู่ในฉบับร่าง ของบล๊อก นานหลายเดือน(ที่ผ่านมา)
โชคดีที่มีคนถามมา  จึงได้ถือโอกาสมาทบทวนเผยน่านกันซะที ฮิ้ววววว



วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

(คุณ)พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง..(แค่ไหน?)

มีทฤษฎีที่พูดถึง ความเคยชิน..จนชินชา ที่ผมชอบมากเรื่องหนึ่ง คือเรื่องทฤษฎีต้มกบ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีคนมากมายนำมาอธิบายเกี่ยวกับพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงว่า และได้ข้อสรุปที่น่าสนใจว่า
 "การเปลี่ยนแปลง..แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป” เป็นการเปลี่ยนแปลงที่อันตรายที่สุด

เพราะมันทำให้คนส่วนใหญ่ตกหลุมลับ/ลวง/พรางจนคิดว่าสามารถเอาอยู่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้
บางคนอาจจะทันสังเกตุเห็น
หรือ บางคน...รู้สึกคุ้นชินกับมัน...
แต่ที่ตลกร้าย บางคนเฉย จนเฉี่อยชา มองเป็นเรื่องธรรมดา และไม่ใส่ใจ

สุดท้าย...
การเปลี่ยนแปลงนั้นถึงจุดที่เราไม่สามารถรับมือได้ เพราะว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างก็อาจสายเกินไป..

..............................................................................................................................................

นักวิชาการชาวไอริชผู้หนึ่งนามชื่อ Tichyand Sherman (1993) เขาได้เสนอแนวคิดทฤษฎีโดยการทดลองนำกบมาต้มเพื่อจะศึกษาปฏิกิริยาตอบสนองของกบ  โดยหม้อน้ำที่ชาวไอริชนำมาใช้ทดลองนั้นใส่น้ำต่างกัน ใบแรกเป็นใส่น้ำร้อนจัด ใบที่สองเป็นใส่น้ำที่อุ่นสบายๆ และค่อยๆ ทำให้อุ่นขึ้นจนเดือด เขาได้ทดลองโดยนำกบมา 2 ตัว โดยกบตัวแรกเขาเอากบเข้าไปใกล้ๆหม้อน้ำร้อน เพื่อทำให้มันรู้ว่าน้ำที่อยู่ตรงหน้ามันนั้นเป็น “น้ำร้อน” นะเฟ้ย  จากนั้นเขาปล่อยเจ้ากบตัวนั้นลงไปในหม้อน้ำร้อน
ผลคือ เจ้ากบก็กระโดดตัวลอยขึ้นจากหม้อ ทันทีที่เท้าของมันสัมผัสกับผิวน้ำในหม้อ

ส่วนกบอีกตัว เขานำกบมาปล่อยลงในหม้อใบที่สอง  ซึ่งมีน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ
เจ้ากบตัวนี้เมื่อมันลงไปในหม้อมันก็ปล่อยตัวนอนเล่นตามสบาย ไม่ได้พยายามตะเกียกตะกายหนีขึ้นมาจากหม้อ โดยหารู้ไม่ว่า..อันตรายที่กำลังเข้ามาเยือน เมื่อน้ำในหม้อเริ่มร้อนขึ้นทีละน้อยๆ มันก็ยังใช้ชีวิตสบายๆของมันอยู่ในหม้อใบนั้น
กว่ามันเริ่มรู้สึกว่าน้ำนั้นเริ่มร้อนมากเกินไป มันก็กลายเป็นกบถูกต้มไปเรียบร้อยแล้ว 
..................................................................................................................................................

หลายปีที่ผ่านมา..
มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านสาธารณสุขที่รวดเร็วอย่างมาก เทคโนโลยีดิจิตัลเข้ามามีบทบาทแทนระบบอนาล็อก ซึ่งส่งผลต่อการช่วยพัฒนาระบบบริการให้มีความสะดวก รวดเร็ว รองรับจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น

แต่หลายๆโรงพยาบาลผู้บริหาร คนทำงานก็ยังคิดและทำงานบนวิธีการแบบเดิมๆ.. คำพูดติดปากที่ได้ยินบ่อยๆ คือ มันดีอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรให้มันยุ่งยาก  ทำไม่ได้ ฯลฯ เราจึงมักเห็นสภาวะที่องค์กร หรือคนทำงานต้องเหนื่อย เครียด หรือประสบปัญหาจากการถูกความเปลี่ยนแปลงไล่ล่า เพราะมองไม่เห็นปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น..

หากคิดว่าองค์กรของเราทำงานดีอยู่แล้ว บุคลากรของเราก็เก่งอยู่แล้ว แค่คงไม่พอ ไม่งั้นระบบคุณภาพคงไม่ถามคำถามสำคัญว่า วิสัยทัศน์ขององค์กรคืออะไร? หลายๆองค์กรจึงมีไว้เป็นประโยคเท่ห์ๆให้ดูฟังเลิศหรู..

ทั้งๆที่วิสัยทัศน์ คือ การมองอนาคตที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกและเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ..

ความสุขสบายกับระบบเดิมๆ กับสิ่งที่คุ้นเคย มักทำให้เกิดความรู้สึกเฉยชา และเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่ดีอยู่แล้ว เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว องค์กรหลายแห่งจึงไม่เคยคิดอัพเกรดเพื่อสร้างคุณค่า และไม่เคยเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังคืบคลานเข้ามา

ดร.เทียม โชควัฒนา ได้ให้ปรัชญาการทำงานและการดำเนินชีวิตไว้อย่างน่าสนใจว่า
" แค่หยุดอยู่กับที่ ก็กลายเป็นผู้ล้าหลัง นักธุรกิจต้องเป็นคนไม่หยุดนิ่งเพียงวันนี้ แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย ทันโลก พร้อมที่จะก้าวสู่วันพรุ่งนี้ได้เสมอ.."

บันทึกให้กำลังใจตัวเองไว้วันนี้ว่า..
จงมองให้กว้าง ..  มองให้ไกล
อ่านให้ขาด แม้ว่าสถานการณ์ทุกอย่างยังเป็นปกติ..
.............................................................................................................................................

หมายเหตุ  ในปี 2002 ศาสตราจารย์ด้านสัตวิทยา Dr. Victor H. Hutchison ได้ทดลองเอากบไปต้มจริงๆ  และเขาเฉลยว่า ทฤษฏีต้มกบเป็นเรื่องไม่่ถูกต้อง! เพราะกบมันเป็นสัตว์เลือดเย็น หากคุณต้มน้ำให้อุณหภูมิน้ำเพิ่มขึ้น 1.1 °C ต่อนาที กบก็พร้อมจะกระโดดหนีตายกันแล้ว ไม่จำเป็นให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึงจุดอันตราย ทางเดียวที่กบจะอยู่ในหม้อ คือ คุณต้องปิดฝาหม้อเพื่อต้มมัน..

ตลกร้าย หลายคนดันปิดฝาหม้อโดยไม่รู้ว่ากำลังต้มตัวเอง  โอ๊บ โอ๊บ..