วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

QOF - 43 แฟ้ม - DENTAL ตอนที่ 2

3).วิธีการลงบันทึกข้อมูล การส่งข้อมูลจาก HOSxP /HOSxP PCU

บทความตอนที่ 1 อ่านแล้วมึนดีไหม๊ครับ ผมอ่านทบทวนอยู่หลายครั้ง รู้สึกเห็นภาพความเป็นมาเป็นไปและความเชื่อมโยงกันของมาตรฐานข้อมูล 21/43 กับ QOF ได้ชัดเจนมากขึ้น อันที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้ควรเป็นเรื่องเชิงนโยบายและเกี่ยวข้องกับผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานโดยเฉพาะงานทันตสาธารณสุข ที่ต้องเข้ามาศึกษาทำความเข้าใจ และสั่งการในบางเรื่องบางอย่างให้ชัดเจนว่าจะมอบหมายให้ใครทำอะไรอย่างไรและผู้ใช้จะต้องฝึกอบรม ทำความเข้าใจการลงบันทึกข้อมูลให้ถูกต้อง ไม่ใช่คิดอะไรไม่ออกให้บอกนักคอม(ฮา) นักคอมต้องรู้สิ

.......................................................................................................
3.1 Guidelines การบันทึกขอมูลและการให้รหัสการสงขอมูล

ก่อนที่จะไปคุยกันต่อว่าจะลงบันทึกข้อมูลทันตกรรมอย่างไร ลงข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ทำอย่างไร ไปออกอนามัยโรงเรียนลงข้อมูลอย่างไรฯลฯ ผมว่าเรามาทำความเข้าใจร่วมกันก่อนดีกว่านะครับซึ่งคงจะต้องอ้างอิงแนวทางที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้เข้าใจร่วมกัน มีคู่มือแนวทางมาตรฐานการบันทึกข้อมูลสำหรับสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิโดยสํานักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข ฉบับพฤษภาคม 2556 รุ่น 1.0 อาจจะเก่าไปหน่อยแต่พอเป็นแนวให้คลำทางไปได้ ดังนี้ครับ



ดังนั้นในหัวข้อต่อไปผมจะอิงแอบแนบชิดกับ Guideline ข้างต้นนี้นะครับ โดยจะอธิบายในส่วนของทันตกรรมเท่าที่ผมทราบ ซึ่งเนื้องานหลักๆก็คงจะมีประมาณนี้
  1. งานบริการทันตกรรม ให้บริการบำบัดรักษาความเจ็บป่วย (Out Patient-OP)
  2. งานส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพ (Prevention and Promotion-PP)
  3. งานทันตสาธารณสุขนอกสถานที่ (Community Service-CS)
.......................................................................................................

3.2 ตารางมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับงานทันตสาธารณสุข

เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก่อนที่จะคุยเรื่องการบันทึกข้อมูลต่อ มีเรื่องที่สำคัญเกี่ยวข้องกับนักคอมพิวเตอร์หรือผู้ดูแลระบบโดยตรงที่จะต้องเตรียมให้พร้อมก่อนคือ การตรวจสอบและตั้งค่าฐานข้อมูลใน HOSxP ให้ตรงกับรหัสมาตรฐาน 43 แฟ้ม ของ สนย. ของ ตารางต่างๆ ดังนี้ครับ
  1. ตาราง dental_care_type : DENTYPE
  2. ตาราง dental_care_service_place_type : SERVPLACE
  3. ตาราง dental_care_nprosthesis : NPROSTHESIS
  4. ตาราง dental_care_gum_type  : GUM
  5. ตาราง dental_care_school_type  : SCHOOLTYPE
  6. ตาราง dental_care_school_class_type  : CLASS
ส่วนตารางอื่นๆที่สำคัญของงานทันตกรรม คือ รายการหัตถการ ตารางที่สำคัญๆมีดังนี้ครับ
  1. dttm ***
  2. dttm_group
  3. dttm_master
วิธีการตั้งค่าในตารางต่างๆ คงไม่ลงลึกในรายละเอียดนะครับ เพราะมีวิธีการบอกเอาไว้หรือสอบถามเพื่อนๆ admin ด้วยกันดูนะครับ เมื่อตั้งค่าต่างๆของฐานข้อมูลเรียบร้อย ต่อไปเรามาดูแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการลงบันทึกข้อมูลกันครับ

.......................................................................................................
3.3 วิธีการลงบันทึกข้อมูลใน HOSxP ที่เกี่ยวกับงานทันตสาธารณสุข

1. 
งานบริการทันตกรรมให้บริการบำบัดรักษาความเจ็บป่วย(Out Patient-OP)
    1. กรณีการให้บริการตรวจรักษาในสถานบริการ 
      • เมื่อเกิดกิจกรรมการตรวจรักษาจะต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ครบถ้วน
      1. ชื่อ นามสกุล อายุ ผู้รับบริการ
      2. วันที่และเวลาให้บริการ
      3. อาการสำคัญ
      4. ประวัติเจ็บป่วยปัจจุบัน
      5. โรคประจำตัวที่เป็นอยู่เดิม
      6. Vital Signs
      7. ผลการตรวจร่างกาย
      8. การวินิฉัย (ถ้ารักษาตามอาการให้บันทึกอาการสำคัญ)
      9. การทำหัตถการเพื่อการรักษา
      10. รายการยา
      11. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ
      12. ผู้ให้บริการ
      13. นัด (ถ้ามี)
      • ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกข้อมูลใน HOSxP จะมีผลกับแฟ้มดังต่อไปนี้ครับ
      1. service (บริการ)
      2. diagnosis_opd (การวินิจฉัย)
      3. procredure_opd (หัตถการ)
      4. drug_opd (ยา)
      5. charge_opd (การเงิน)
      6. apponintment (นัด)
      7. provider (ผู้ให้บริการ)

        กรณีนี้ผมคิดว่าแต่ละแห่งคงไม่มีปัญหาการลงบันทึกข้อมูลกันอยู่แล้วนะครับ หรือถ้าใครยังไม่แน่ใจเรื่องการลงบันทึกข้อมูลของงานทันตกรรมให้ศึกษาจากคู่มือเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ : คู่มือการลงบันทึกข้อมูลงานทันตสาธารณสุขใน HOSxP



           ภาพที่ 1 การส่งตรวจเลือกประเภท คนไข้ทั่วไป


          ภาพที่ 2 ลงบันทึกข้อมูลผ่านหน้าจอทะเบียนทันตกรรม
    2. กรณีออกหน่วยบริการทันตกรรมเคลื่อนที่ในพื้นที่  การออกหน่วยบริการทันตกรรมเคลื่อนที่ในพื้นที่เป็นประเด็นที่มีการถามเยอะพอสมควรครับว่า ควรนำมาลงทะเบียนส่งตรวจหรือไม่บางท่านบอกว่าได้ บางท่านบอกว่าไม่ได้ ไม่มีใครกล้าฟันธง เพราะไม่ใช่หมอลักษณ์ ซึ่งผมเองก็.. ไม่ใช่เหมือนกัน

      แต่คำถามนี้สำหรับ PCU นอก รพ. หรือ รพ.สต. คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คงเลือกที่จะลงทะเบียนส่งตรวจแน่ๆ แต่สำหรับโรงพยาบาลโดยเฉพาะงานทันตกรรมซึ่งปฏิบัติงานรับผิดชอบดูแลทั้งcup ซึ่งต้องออกไปให้บริการนอกพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลกรณีงานออกหน่วยให้บริการทันตกรรมเป็น work load ต้องเอามาลงข้อมูลนับเป็นผลงานด้วย(หรือเปล่า??)ที่ผ่านมาอาจจะเอามานับเพียงแค่จำนวนผู้รับบริการ

      แต่ก่อนจะไปตัดสินใจว่าจะลงทะเบียนส่งตรวจหรือไม่ลงทะเบียน เราไปดูแนวทางที่เขาให้ไว้กันก่อนดีกว่าครับ ซึ่งใน Guideline การลงบันทึกข้อมูลส่วนใหญ่คล้ายกับการตรวจในสถานบริการทุกอย่าง ทุกอย่าง สิ่งที่แตกต่างต่างกัน คือ
      1. การออกหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ไม่มีการลงข้อมูลนัด (appointment)
      2. ต้องมีการลงข้อมูล Community activity


วิธีการลงบันทึกข้อมูลใน HOSxP /HOSxP PCU ที่ผู้ใช้ควรลงบันทึกให้ถูกต้อง
  1. ผู้ป่วยรับบริการทันตกรรมทั่วไป กรณีบำบัดรักษาความเจ็บป่วย 
  2. ผู้ป่วยรับบริการทันตกรรมทั่วไป กรณีออกหน่วยทันตกรรม/หน่วยแพทย์เคลื่อนที่/ พอ.สว. (ต้องลงบันทึกข้อมูลในหน้าจอ on stop service)
  3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการตรวจปริทันต์ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 

โดยสรุป
ถ้าดูตาม Guidelint ความเข้าใจของผม การออกหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ของทันตกรรม เช่น พอ.สว. ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ นำมาลงทะเบียนส่งตรวจได้ แต่ช้า..แต่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปครับ เพราะในข้อเท็จจริงถ้าออกไปให้บริการในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ PCU ในเขตโรงพยาบาลซึ่งมีฐานประชากร Person ครบถ้วนไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าออกไปให้บริการนอกเขตรับผิดชอบของ PCU ในโรงพยาบาล จะมีปัญหาตามมาคือ ชื่อคนไข้อาจจะไม่มีในฐาน HOSxP ของโรงพยาบาล แน่นอนละครับถ้าจะเอาชื่อไปเพิ่ม HN คงต้องซักประวัติบัตรใหม่กันละเอียดคงไม่มีเวลาทำกันขนาดนั้น ซึ่งผมมีแนวทางในใจดังนี้ครับ
  1. การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ามารถลงทะเบียนส่งตรวจได้ โดยให้ PCU นั้นที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เป็นผู้ลงบันทึกข้อมูล/ผลงาน เช่น ออกหน่วยที่บ้าน ก. ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของ รพ.สต. ก นำข้อมูลมาบันทึกข้อมูลลงทะเบียนส่งตรวจ Dx ยา หัตถการการรักษาต่างๆ และ community activity ใน one stop service แต่ไม่ต้องลงข้อมูลนัด  
  2. ข้อมูล Commuity Service ให้ใส่รหัสกลุ่ม 2G0

สาเหตุที่ผมให้ข้อมูลการออกหน่วยแพทย์นอกเขต PCU โรงพยาบาล เป็นผลงานของ PCU น้ันผมมีเหตุผลอย่างนี้ครับ
  1. ชื่อคนไข้ในเขต pcu นั้น มีชื่อในฐานข้อมูล HOSxP PCU แน่ๆ
  2. ทำให้ผลงาน Service ของ pcu เพิ่มขึ้นอย่างถูกต้อง (เหมือน pcu จัดหาบุคลากรที่เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลสุขภาพคนในพื้นที่)
  3. รพ.สต.ได้ผลงานของหน่วยงาน ฝ่ายทันตกรรมโรงพยาบาลได้ผลงานภาพรวมของ CUP (ปกติงานทันตกรรมเขาจะนับเฉพาะจำนวนรายที่ให้บริการเพื่อลงบันทึกผลงาน)
  4. งานนี้ยังไม่เกี่ยวกับแฟ้ม Dental ด้วยเหตุผลที่ว่ายังเป็นการบำบัดรักษานะครับ รหัส DX และอาการที่มารับบริการเป็นเรืองของการรักษาล้วนๆ โดยความเห็นส่วนตัวผมจะยังไม่ให้ลงบันทึกการตรวจสุขภาพฟันหากมารับบริการในกลุ่มนี้
.........................................................................................................

2. งานส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพ (Prevention and Promotion-PP)
    • เมื่อเกิดกิจกรรมการตรวจรักษาจะต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ครบถ้วน
    1. ชื่อ นามสกุล อายุ ผู้รับบริการ
    2. วันที่และเวลาให้บริการ
    3. ชื่อบริการ
    4. รายละเอียดการบริการ
    5. เหตุผลที่มารับบริการ
    6. การวินิจฉัย
    7. รายการยา (ถ้ามี)
    8. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ
    9. รายการนัด (ถ้ามี)
    10. ผู้ให้บริการ
    • ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกข้อมูลใน HOSxP จะมีผลกับแฟ้มดังต่อไปนี้ครับ
    1. service (บริการ)
    2. diagnosis_opd (การวินิจฉัย) ใชรหัสบทที่21 หมวดรหัส Z ที่เปนการบริการสงเสริมสุขภาพสําหรับผูที่ไมเจ็บปวย
    3. dental (การตรวจสุขภาพช่องปาก) แฟ้มนี้ เฉพาะกรณีตรวจสุขภาพช่องปากเท่านั้นนะครับ**
    4. drug_opd (ยา)
    5. charge_opd (การเงิน)
    6. apponintment (นัด)
    7. provider (ผู้ให้บริการ)
      กรณีนี้การลงบันทึกข้อมูลจะมีเพิ่มการลงบันทึกตรวจสุขภาพช่องปาก ซึ่งต้องมาทำความเข้าใจกับเรื่องกลุ่มเป้าหมายของสุขภาพช่องปากอีกดังนี้ครับ
      1. กิจกรรมบริการสุขภาพช่องปากในกลุ่มเป้าหมายโดยมีเกณฑ์ ดังนี้
        1. คลินิกฝากครรภ์ (ANC) : หญิงตั้งครรภ์
          • การตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อย 1 ครั้ง
          • บริการขูดหินน้ำลาย ทำความสะอาดฟัน
          • บริการทันตกรรมหรือส่งต่อในรายที่จำเป็น 
        2. คลินิกส่งเสริมสุขภาพเด็กดี (WCC) : เด็กก่อนวัยเรียน
          • มีการให้แปรงฟันและยาสีฟันให้กับเด็กที่มารับบริการ
          • มีการตรวจช่องปาก ความสะอาด และประเมินความเสี่ยงต่อโรคฟันผุของเด็ก
          • การฝึกพ่อแม่/ผู้ดูแลเด็กแปรงฟันแบบลงมือปฏิบัติ 
          • การจัดระบบเฝ้าระวัง ติดตาม ดูแลต่อเนื่องในเด็กกลุ่มเสี่ยง (เด็กกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กที่ฟันไม่สะอาด/ฟันมีรอยขาวขุ่น/มีฟันผุ) ให้บริการเด็กที่มีภาวะเสี่ยงด้วยการทาฟลูออไรด์วาร์นิชทุก 6 เดือน 
        3. ศูนย์พัฒนาเด็ก : เด็กก่อนวัยเรียน
          • การตรวจสุขภาพช่องปากเด็กในศูนย์เด็กเล็กทุกคนปีละ 1 ครั้ง และ แจ้งผลการตรวจให้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองพร้อมทั้งให้คำแนะนำ
          • เด็กกลุ่มเสี่ยงได้รับการทาฟลูออไรด์วานิชภาคเรียนละ 1 ครั้ง โดยทันตบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ผ่านการอบรม 
          • สนับสนุนให้ศูนย์เด็กจัดกิจกรรมแปรงฟันหลังอาหารกลางวัน และ ครูผู้ดูแลเด็กตรวจความสะอาดในการแปรงฟันของเด็ก 
          • สนับสนุนการให้ศูนย์เด็กเล็กจัดกิจกรรมด้านอาหารและอาหารว่างให้เอื้อต่อสุขภาพช่องปากที่ดี 
        4. โรงเรียนประถมศึกษา : เด็กนักเรียน
          1. การตรวจสุขภาพช่องปากนักเรียนประถมศึกษาทุกคนปีละ 1 ครั้ง
          2. ให้บริการเคลือบหลุมร่องฟันกรามแท้ซี่ที่ 1 แก่เด็กนักเรียนประถมศึกษา
          3. การให้บริการทันตกรรมแก่นักเรียนประถมศึกษาตามความจำเป็น สนับสนุนให้โรงเรียนจัดกิจกรรมให้เด็กแปรงฟันหลังอาหารกลางวันอย่างถูกต้องทุกวันที่โรงเรียน 
          4. สนับสนุนให้โรงเรียนจัดกิจกรรมด้านอาหารและอาหารว่างให้เอื้อต่อสุขภาพช่องปากที่ดี
        5. กลุ่มผู้สูงอายุ : ผู้สูงอายุ
          • การตรวจสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุปีละ 1 ครั้ง 
          • สนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากในชมรมผู้สูงอายุ
วิธีการลงบันทึกข้อมูลใน HOSxP /HOSxP PCU ที่ผู้ใช้ควรลงบันทึกให้ถูกต้อง
  1. ผู้รับบริการตรวจสุขภาพฟันกรณีที่มารับบริการที่โรงพยาบาล : ลงทะเบียนหน้าจอทันตกรรม/one stop service และลงบันทึกตรวจสุขภาพฟัน ตามกลุ่มเป้าหมาย : DENTAL
  2. ผู้รับบริการที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ต้องลงบันทึกข้อมูล 2 ส่วน คือ
    1. การตรวจฟันของหญิงตั้งครรภ์ปกติ ในประวัติฝากครรภ์(ผลงานของงานอนามัยมารดา) 
    2. การตรวจสุขภาพช่องปาก กลุ่มหญิงตั้งครรภ์(ผลงานของงานทันตสาธารณสุข) : DENTAL

โดยสรุป
ถ้าดูตาม Guidelint ความเข้าใจของผม กรณีส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพในที่นี้หมายถึง กรณีคนไข้มารับบริการที่สถานบริการครับ ซึงก็จะต้องเข้าระบบลงทะเบียนส่งตรวจตามปกติ และมีการลงบันทึกตรวจสุขภาพช่องปากในกลุ่มหมาย ผมเสนอแนวทางในการลงบันทึกข้อมูลดังนี้ครับ 
  1. ถ้าเป็นผู้รับบริการ"ใน" เขตรับผิดชอบของ PCU ในโรงพยาบาล ให้ลงบันทึกส่งตรวจและให้บริการเหมือนบริการตรวจรักษาทางทันตกรรม 
  2. ถ้าเป็นคนไข้ "นอก" เขตรับผิดชอบของ PCU ในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายทันตสาธารณสุขให้บริการตรวจสุขภาพช่องปาก และส่งผลงานให้ PCU เป็นผู้ลงบันทึกผลงานของคนในเขตรับผิดชอบเพื่อลงบันทึกข้อมูลใน HOSxP PCU (ความเห็นส่วนตัวของผม กิจกรรมที่เป็นงาน PP ไม่ควรมารับบริการที่โรงพยาบาล ถ้าจะมีก็ควรจะน้อยยยย มั๊กๆ)
.........................................................................................................

2. งานทันตสาธารณสุขนอกสถานที่ (Community Service-CS)
    • การออกให้บริการนอกสถานที่ มีกิจกรรมแบ่งออกเป็น
      1. กิจกรรมบริการรายบุคคล
      2. กิจกรรมบริการชุมชน : 
ในที่นี้ผมจะเน้นที่เรื่องการตรวจสุขภาพช่องปากในชุมชน หรือ โรงเรียน
    • เมื่อเกิดกิจกรรมการตรวจรักษาจะต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ครบถ้วน
      1. ชื่อ นามสกุล อายุ ผู้รับบริการ
      2. วันที่และเวลาให้บริการ
      3. การวินิจฉัย
      4. รายการยา (ถ้ามี)
      5. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ
      • ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกข้อมูลใน HOSxP จะมีผลกับแฟ้มดังต่อไปนี้ครับ
      1. service (บริการ)
      2. diagnosis_opd (การวินิจฉัย ถ้าพบรอยโรค)  
      3. dental (การตรวจสุขภาพช่องปาก) แฟ้มนี้ เฉพาะกรณีตรวจสุขภาพช่องปากกลุ่มก่อนและเด็กวัยเรียน**
      4. community serviceใชรหัสบทที่ 1D1 ,1H1
วิธีการลงบันทึกข้อมูลใน HOSxP /HOSxP PCU ที่ผู้ใช้ควรลงบันทึกให้ถูกต้อง
  1. การลงบันทึกตรวจสุขภาพฟัน ในนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย
  2. การลงบันทึกตรวสุขภาพฟัน ในนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย และพบรอยโรค

โดยสรุป
ถ้าดูตาม Guidelint ความเข้าใจของผม กรณีงานทันตสุขภาพนอกสถานที่ในที่นี้หมายถึง กรณีออกไปให้บริการตรวจสุขภาพช่องปากเด็กก่อนวัยเรียนและเด็กนักเรียน ผมเสนอแนวทางในการลงบันทึกข้อมูลดังนี้ครับ
  1. ถ้าเป็นนักเรียน โรงเรียนในเขตรับผิดชอบของ PCU ในโรงพยาบาล ให้ลงบันทึกข้อมูลในบัญชี 5 และลงทะเบียนส่งตรวจในโปรแกรม HOSxP
  2. ถ้าเป็นนักเรียน โรงเรียนนอกเขต PCU จนท.ฝ่ายทันตสาธารณสุขของโรงพยาบาลให้บริการตรวจสุขภาพช่องปาก และส่งผลงานให้ PCU เป็นผู้ลงบันทึกผลงานการให้บริการตรวจสุขภาพช่องปากนักเรียนของโรงเรียนในเขตรับผิดชอบ ในโปรแกรม HOSxP PCU 

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557

QOF - 43 แฟ้ม - DENTAL ตอนที่ 1

มแทบไม่ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ QOF เลย แบบว่า เบลอๆ กับงานที่ถาโถมโหมเข้ามา ทำให้รู้สึกเซ็งห่านๆ เบื่อๆกับงานข้อมูลที่มีความรู้(มากมาย)ท่วมหัว แต่เริ่มจะเอาตัวไม่รอด เพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เริ่มอะไร เริ่มเมื่อไหร่ เริ่มที่ใคร บลาๆๆ..

วันที่ 15 สิงหาคม 2557 ผมได้รับเกียรติเป็นแขกรับเชิญไปพูดเกี่ยวกับการพัฒนาฐานข้อมูลของเครือข่ายทันตสาธารณสุขของ สปสช.เขต 8 ทีจังหวัดหนองคาย ผมก็ยังรู้สึกงึกๆงักๆว่าจะไปพูดอะไรอีกดีหว่า ถามผู้ประสานงานว่าปัญหาของฐานข้อมูลด้านทันตสาธารณสุข คือ อะไรหรือครับ ที่อยากให้ผมไปพูด เช่น การลงบันทึกไม่ถูกต้อง ตั้งฐานข้อมูลไม่ถูก หรือส่งออกแล้ว error  ซึ่งคำตอบที่ได้มันก็ยังเบลอๆ ไม่ชัดว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ทำให้ผมรู้สึกว่าการไปพูดครั้งนี้อาจจะกลายเป็นการไปช่วยเกา แต่ไม่ถูกที่คัน เผลออาจจะคันหนักกว่าเดิม อิอิ

โดยส่วนตัวแล้วผมมิใช่ผู้เชี่ยวชาญ  ไม่ใช่ผู้รู้ ไม่ใช่คนเขียนโปรแกรม HOSxP  ไม่ได้เป็นผู้ประสานไอทีของเขต ไม่ได้ทำงานอยู่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผมแทบไม่ได้อัพเดตข่าวสารอะไรที่เป็นข้อมูลเชิงบริหารที่เป็นภาพรวมของระบบเลย ผมก็รู้เท่าที่อ่าน ดูๆแล้วออกจะแปลกไปสักหน่อยนะครับที่จะให้ผู้ปฏิบัติงานอยู่โรงพยาบาลชายขอบไปพูดภาพรวมของระดับเขตให้เป็นเรื่องเป็นราว..

เอ้า! แต่กล้าขอมา เราก็กล้าไป(ว่ะ)  ฮิ้วววว

ไหนๆจะต้องไปทั้งทีก็คงต้องมีฟอร์มกันบ้าง เอาเป็นว่าผมคงต้องแบ่งเรื่องเป็นประเด็นๆที่จะปูพื้นฐานทำความเข้าใจกับผู้ใช้งานที่หลากหลาย แล้วจะลองใส่น้ำหวานเพื่อให้มันเชื่อมโยงกัน เผื่อว่าผมจะเห็นภาพว่าควรจะไปพูดอะไรบ้าง โดยผมตั้งใจที่จะแบ่งการพูดออกเป็นหัวข้อๆ ดังนี้ครับ
  1. Standard Data Set 43 แฟ้ม 
  2. QOF : Quality and Outcome Framework และตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับงานทันตสาธารณสุข
  3. วิธีการลงบันทึกข้อมูล การส่งข้อมูลจาก HOSxP /HOSxP PCU : ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลงานทันตสาธารณสุข
  4. การตรวจสอบข้อมูล 43 แฟ้ม : OP-PP2010
.....................................................................................................................................................
1. Standard Data Set : 43 แฟ้ม

ผมคิดว่าเราคงคุ้นเคยกับคำว่า 12 แฟ้ม,18 แฟ้ม,21 แฟ้ม กันพอสมควร ซึ่งปีงบประมาณ 2557 มีชุดข้อมูลมาตรฐานที่เริ่มคุ้นหู คุ้นตากันมากขึ้น คือ 43 แฟ้ม จากความหลากหลายของ HIS ที่สถานบริการแต่ละแห่งมีการใช้งานในหน่วยงาน ตัว Standard Data Set จึงเป็นชุดข้อมูลที่จะช่วยทั้งโรงพยาบาล  และ รพ.สต. สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

ภาพประกอบ 1 By :  Kidkom Salelanont

  1. สรุปแบบสั้นๆตามความเข้าใจของผมเลย คือ ชุดข้อมูลมาตรฐาน 43 แฟ้ม เป็นชุดข้อมูลที่พัฒนามาจากความไม่สมบูรณ์ และความต้องการที่มากขึ้นของผู้เกี่ยวข้องซึ่ง 12 แฟ้ม,18 แฟ้ม  และ21 แฟ้ม ที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ข้อมูลได้นั่นเอง
                                                                                  ภาพประกอบ 2 By :  Kidkom Salelanont

โครงสร้างของ 43 แฟ้ม ถ้าแบ่งออกตามกลุ่มข้อมูลก็จะมีหน้าตาอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีแบบนี้แหละครับ


ภาพประกอบ 2 By :  Kidkom Salelanont

ตอนที่ผมรับรู้โครงสร้าง 43 แฟ้มใหม่ๆ มันยังมึนๆงงๆ เพราะไหนจะต้องส่ง 21 แฟ้มด้วย ตัว 43 แฟ้ม จึงไม่ค่อยได้สนใจ ให้ทำอะไรก็ทำ ให้ส่งอะไรก็ส่ง รู้สึกเบื่อๆ ครับ เพราะต้องส่งทั้งรายสัปดาห์ รายเดือน รายช่วงเวลา ฯลฯ  แต่โดยหลัก ยังคงให้น้ำหนักกับ 21 แฟ้มที่ต้อง ส่ง สปสช. แต่หลังจากนี้ไปคงต้องว่ากันที่ 43 แฟ้มกันเต็ม

โครงสร้างมาตรฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานทันตสาธารณสุข
ตาราง DENTAL





อันที่จริงในการลงบันทึกข้อมูลของงานทันตกรรมยังเกี่ยวข้องกับอีกหลายแฟ้มในชุดข้อมูลมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นแฟ้มข้อมูลบริการ, แฟ้มข้อมูลผู้ป่วยนอก,แฟ้มข้อมูลผู้ให้บริการ ฯลฯ ถ้าจะคุยกันให้จบคงต้องเขียนกันอีกหลายตอนกว่าจะจบ เอาเป็นว่าต้องลองไปศึกษาข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ 43 แฟ้มเพิ่มเติมดูนะครับ

เอกสารอ้างอิงเกี่ยวกับ 43 แฟ้ม
.....................................................................................................................................................

2. QOF : Quality and Outcome Framework
งบจ่ายตามตัวชี้วัดเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการปฐมภูมิ

ถ้าจะมีอีกสักคำที่แทบจะแทรกซึมเข้าไปทุกรู้ขุมขนในช่วงที่ผ่านมา ผมคิดว่า QOF น่าจะติดอันดับต้นๆ เพราะในที่ประชุมผู้บริหาร มีการพูดถึงและนำเสนอผลงาน QOF  กันทุกเดือน แห่งไหนผลงานดีก็ลอยตัวไป แห่งไหนผลงานแย่ ติดอันดับท้ายๆ โดนไล่จิกตามติดผลงานกันมาตามลำดับ ..

ผู้บริหารก็พูดถึงแต่ QOF แล้วมันคืออัลลัย (ว่ะ) เนี่ย!
การรับรู้ในช่วงแรกๆของผม ก็งงเหมือนกันครับ มันมาอย่างไร เมื่อไหร่ มารู้สึกตัวอีกทีก็มี cockpit โชว์หราว่าผลงาน QOF ของหน่วยงานเป็นอย่างไร แดงบ้าง เขียวบ้าง ก็ว่ากันไปครับ























คำถามคือ แล้ว QOF มันเกี่ยวอะไรกับ 43 แฟ้ม? มีคู่มือที่เขียนอธิบายเกี่ยวกับแนวคิดทฤษฏีการจ่ายตามคุณภาพและผลลัพท์บริหารที่ สปสช.ทำไว้อย่างละเอียดทีเดียวครับ ถ้าใครสนใจไปหาอ่านกันได้ ผมขอยกตัวอย่างบางช่วงบางตอนมาอธิบาย ดังนี้ครับ













P4P-QOF สองคำนี้สงสัยเป็นพี่น้องกันแน่ๆ ว่าแต่เริ่มคุ้นๆ กันบ้างไหม๊ครับ

ทีนี้เมื่อมีหลักการที่(เริ่มจะ)ดีแล้ว ก็จะต้องมีการพัฒนาตัวชี้วัดเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการปฐมภูมิ
ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อที่จะจัดสรรงบประมาณตามคุณภาพผลงานบริการปฐมภูมิที่พึงพอใจด้วยกันทุกฝ่าย แน่นอนว่าต้องมีกระบวนการกำหนดตัวชี้วัดที่เหมาะสมด้วย ผมขอย้อนอดีตเพื่อทำความเข้าใจกับตัวอย่างอย่างนี้ก่อนนะครับ
  • ปี 2551 สปสช.เริ่มจัดงบประมาณเพื่อจ่ายตามเกณฑ์คุณภาพบริการปฐมภูมิ
  • ปี 2552 สปสช.เห็นชอบจัดสรรงบเหมาจ่ายรายหัวเป็นงบเพื่อชดเชยค่าบริการเพิ่มเติม(On top payment) ให้แก่หน่วยบริการปฐมภูมิ ที่มีการพัฒนาศักยภาพผ่านเกณฑ์ที่สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกําหนด (นับเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้กลไกการเงินกระตุ้นหน่วยบริการประจําและหน่วยบริการปฐมภูมิจัดบริการปฐมภูมิที่มีคุณภาพแก่ประชาชน โดยมีการกําหนดเกณฑ์ศักยภาพบริการ หรือเรียกว่าเกณฑ์ On top payment หรือตัวชี้วัดศักยภาพบริการปฐมภูมิ ) โดยการจ่ายงบตามเกณฑ์ศักยภาพบริการปฐมภูมิ(On top payment) ดําเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552-2556 รวมระยะเวลา 5 ปีซึ่งมีการเพิ่มตัวชี้วัดคุณภาพบริการทุกปีเพื่อกระตุ้นให้หน่วยบริการประจํา และหน่วยบริการปฐมภูมิพัฒนาตนองอย่างต่อเนื่อง เกณฑ์หรือตัวชี้วัดศักยภาพบริการปฐมภูมิในช่วงปี 2552-2555 ในปีแรกเน้นตัวชี้วัดด้านโครงสร้าง และในปีต่อๆ ได้มีการขยับเกณฑ์หรือตัวชี้วัดเน้นด้านผลลัพธ์บริการปฐมภูมิมากขึ้น
  • ปี 2557 มีแนวคิดการพัฒนาตัวชี้วัดและแนวทางการจัดสรรอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แนวทาง Quality and Outcome Framwork: QOF ของประเทศอังกฤษมาเป็นแนวทาง และเรียกงบนี้ว่า งบจ่ายตามตัวชี้วัดเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการปฐมภูมิ (Quality and Outcome Framwork: QOF)
    สิ่งสำคัญที่เราต้องมาติดตามกันต่อ คือ แนวคิดในการกำหนดตัวชี้วัดของ QOF 

    แนวคิดการพัฒนาตัวชี้วัดเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการปฐมภูมิ (Quality and Outcome Framework : QOF) มีดังนี้
    1. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ โดยมีการวัดผลการจัดบริการสาธารณสุขด้านต่างๆ ในการดูแลสุขภาพประชาชน/หรือประเด็นคุณภาพบริการระดับปฐมภูมิที่เขตบริการสุขภาพกําหนด
    2. เป็นการชี้นําทิศทางการพัฒนาบริการระดับปฐมภูมิอย่างต่อเนื่องของ สปสช. (ปี 2557-2559) 
    3. เพื่อสร้างแรงจูงใจให้หน่วยบริการประจํา และหน่วยบริการปฐมภูมิจัดบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลไกทางการเงินตามเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการเป็นเครื่องมือ 
    4. ตัวชี้วัดพิจารณาจากของกระทรวงสาธารณสุข สปสช. และเขตพื้นที่สามารถกําหนดเพิ่มเติมได้ตามปัญหาและบริบทของพื้นที่
    5. ใช้ประโยชน์และต่อยอดจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ ของ กระทรวงสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด และสปสช. เช่น ฐานข้อมูล OP Individual ฐานข้อมูลการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ และข้อมูลอื่นตามความจําเป็น
    6. กระจายอํานาจแก่เขตพื้นที่ในการพัฒนาตัวชี้วัดฯ และหลักเกณฑ์การจัดสรรระดับพื้นที่ให้สอดคล้องปัญหาและบริบทของพื้นที่ รวมทั้ง Service Plan ของกระทรวงสาธารณสุข โดยผ่านความเห็นชอบจาก อปสข. 
    7. มีการเปรียบเทียบผลงานระหว่างหน่วยบริการในเขตเดียวกัน และสะท้อนข้อมูลกลับคืนให้หน่วยบริการ เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพและผลงานการจัดบริการปฐมภูมิ
    8. สนับสนุนให้เกิดกลไกการจัดการเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของระบบบริการปฐมิตามแนวคิดPrimary Care System Strengthening ของ WHO 2008 และติดตามประเมินผลระดับจังหวัด
    องค์ประกอบตัวชี้วัด QOF 
    องค์ประกอบตัวชี้วัด QOF ที่ใช้ในการคํานวณค่าคะแนนเพื่อจัดสรรงบให้หน่วยบริการ ตัวชี้วัดประกอบด้วย 4 ด้าน และมีคะแนนรวมทั้ง 4 ด้าน เป็น 1,000 คะแนน ดังนี้
    • ด้านที่ 1 : คุณภาพและผลงานการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คะแนนเต็ม 400 คะแนน
    • ด้านที่ 2 : คุณภาพและผลงานการจัดบริการปฐมภูมิ คะแนนเต็ม 300 คะแนน
    • ด้านที่ 3 : คุณภาพและผลงานด้านการพัฒนาองค์กร การเชื่อมโยงบริการระบบส่งต่อ และ  การบริหารระบบ คะแนนเต็ม 200 คะแนน
    • ด้านที่ 4 : คุณภาพและผลงานของบริการที่จําเป็นตอบสนองปัญหาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่และบริการเสริมในพื้นที่ โดยคณะกรรมการฯระดับเขตและจังหวัด ร่วมกันพิจารณาตัวชี้วัดระดับพื้นที่ คะแนนเต็ม 100 คะแนน
    การแบ่งระดับตัวชี้วัด ตัวชี้วัดแบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้
    1. ตัวชี้วัดกลาง : เป็นตัวชี้วัดที่มีความสําคัญระดับประเทศ ที่ทุกเขตนําไปใช้เหมือนกัน
    2. ตัวชีวัดพื้นที่ : เป็นตัวชี้วัดที่คณะกรรมการพัฒนาบริการปฐมภูมิระดับเขตเลือกตามรายการตัวชี้วัดพื้นที่ที่กําหนดและ/หรือกําหนดเพิ่มเติม ตามความจําเป็น ปัญหาและบริบทของพื้นที่ ตามความเห็นชอบของ อปสข. ทั้งนี้ตัวชี้วัดที่เลือกตามรายการตัวชี้วัดพื้นที่จะถูกนํามาไว้ในตัวชี้วัดด้าน 1 - 3 สําหรับตัวชี้วัดที่เขตกําหนดเพิ่มเติม(นอกเหนือจากรายการตัวชี้วัดพื้นที่ที่กําหนด) จะถูกนํามาไว้ในตัวชี้วัดด้านที่ 4 
    รายการตัวชี้วัดกลาง
    ตัวชี้วัดด้านที่ 1: คุณภาพและผลงานการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
     1.1 ร้อยละของหญิงมีครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครั้งแรกกอน่ 12 สัปดาห์
     1.2 ร้อยละหญิงมีครรภ์ได้รบการฝากครรภ์ครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์
     1.3 ร้อยละสะสมความครอบคลุมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรี 30-60 ปีภายใน 5 ปี 

    ตัวชี้วัดด้านที่ 2 : คุณภาพและผลงานการจัดบริการปฐมภูมิ 
     2.1 สัดส่วนการใช้บริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิต่อการใช้บริการที่โรงพยาบาล
     2.2 อัตราการรับไว้รักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคหืด สิทธUC 
     2.3 อัตราการรับไว้รักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนระยะสั้น สิทธิ UC
     2.4 อัตราการรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ด้วยโรคความดันโลหิตสูงหรือภาวะแทรกซ้อนของความดันโลหิตสูงสิทธิ์ UC 

    ตัวชี้วัดด้านที่ 3: คุณภาพและผลงานด้านการพัฒนาองคกร์ การเชื่อมโยงบริการ ระบบส่งต่อและการบริหารระบบ
    3.1 ร้อยละประชาชนมีหมอใกล้บ้านใกลใจดูแล3.2 ร้อยละหน่วยบริการปฐมภูมิผ่านเกณฑ์ขึ้นทะเบียน
    รายการตัวชี้วัดพื้นที่
    (สําหรับให้เขตเลือกเป็นตัวชี้วัดพื้นที่ในด้านที่ 1-3) 
    ตัวชี้วัดด้านที่ 1: คุณภาพและผลงานการจดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
    การดูแลมารดา 
      1. ร้อยละของหญิงมีครรภ์ได้รบการตรวจสุขภาพช่องปาก
      2. ร้อยละของหญิงหลังคลอดได้รับการดูแลครบ 3 ครั้งตามเกณฑ์ 
    เด็กแรกเกิด-2ปี 
      3. ร้อยละของเด็กอายุ 1 ปีได้รับวัคซีนโรคหัด
    เด็ก 3 - 5ปี 
      4. ร้อยละของเด็กอายุต่ํากว่า 3 ปีได้รับการตรวจช่องปาก
      5. ร้อยละของเด็กอายุ 5 ปีที่ได้รับวัคซีน DTP5
    เด็กนักเรียน 
      6.ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับการตรวจช่องปาก
      7.ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับการเคลือบหลุมรองฟันในฟันกรามแท้ซี่ที่หนึ่ง
      8.ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับบริการทันตกรรม Comprehensive care
      9.ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 6 ได้รับวัคซีน dT
    วัยแรงงาน
      10. ร้อยละของประชาชนอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปได้รับการคัดกรองเบาหวาน 
      11. ร้อยละของประชาชนอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปได้รับการคัดกรองความดันโลหิต
    ผู้สูงอายุ
      12. จํานวนผู้สงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับบริการฟันเทียม
    กลุ่มเสี่ยง
      13. ร้อยละของกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
    ฯลฯ
    ...............................................................................................................................................................

    ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับระบบงานทันตสาธารณสุข
    เกริ่นเกี่ยวกับ QOF กันมาเสียยืดยาว เอาล่ะครับทีนี้มาเข้าเรื่องกันตรงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับระบบข้อมูลของงานทันตสาธารณสุขกันซะที ตัวชี้วัดเหล่านี้จะมี Template รายละเอียดของแต่ละตัว ดังนี้ครับ 

    1. ร้อยละของหญิงมีครรภ์ได้รบการตรวจสุขภาพช่องปาก
    • คํานิยาม หญิงมีครรภ์คนไทยทุกสิทธิ์ประกันสุขภาพ ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากในช่วงที่ตั้งครรภ์
    • เกณฑ์เป้าหมาย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
    • ประชากรกลุ่มเป้าหมาย หญิงมีครรภ์ในเขตรับผิดชอบทุกสิทธิประกันสุขภาพ
    • วิธีการจัดเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูลในโปรแกรมของหน่วยบริการ (โดยหน่วยบริการต้องลงข้อมูลการรับบริการของประชาชน ในเขตรับผิดชอบที่ไปรับบริการจากหน่วยบริการอื่น(โดยสํารวจ และใช้ขอมูลจากสมุดสชมพู) 
    • แหล่งข้อมูล ฐานข้อมูล OP/PP แฟ้ม MCH (field DENTAL)** 
    2. ร้อยละของเด็กอายุต่ํากว่า 3 ปีได้รับการตรวจช่องปาก
    • คํานิยาม การตรวจช่องปาก หมายถึง เด็กอายุต่ํากว่า 3 ปีได้รับการตรวจฟัน และความสะอาดของฟันทั้งปาก โดยทันตบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 
    • เกณฑ์เป้าหมาย ได้รับการตรวจช่องปาก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 
    • ประชากรกลุ่มเป้าหมาย เด็กอายุต่ํากว่า 3 ปี (เกิด 1 ตค. 2554 - 30 กย. 2556)ิ
    • วิธีการจัดเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูลในโปรแกรมของหน่วยบริการ 
    • แหล่งข้อมูล จากข้อมูลการตรวจราชการ กรมอนาม้ย
    3. ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับการตรวจช่องปาก
    • คํานิยาม เด็กนักเรียนชั้น ป.1 หมายถึงเด็กอายุ 6 ปีเต็มถึง7ปี 11 เดือน 29 วันซึ่งเป็นเด็กไทยทุกสิทธิประกันสุขภาพ ได้รับการตรวจช่องปาก หมายถึงการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาอย่างสมบูรณ์โดยทันตบุคลากร
    • เกณฑ์เป้าหมาย ได้รับการตรวจช่องปาก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 
    • ประชากรกลุ่มเป้าหมาย เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตรับผิดชอบของหน่วยบริการ
    • วิธีการจัดเก็บข้อมูล โปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    • แหล่งข้อมูล ฐานข้อมูลจาก โปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    4. ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับการเคลือบหลุมรองฟันในฟันกรามแท้ซี่ที่หนึ่ง
    • คํานิยาม เด็กนักเรียนชั้น ป.1 หมายถึงเด็กอายุ 6 ปีเต็มถึง7ปี 11 เดือน 29 วันซึ่งเป็นเด็กไทยทุกสิทธิประกันสุขภาพ การเคลือบหลมรุ ่องฟันหมายถึงการใช้วัสดุเคลือบหลุมร่องฟันทางบนหลุมร่องฟันที่ลึกของฟันกรามแท้
    • เกณฑ์เป้าหมาย ได้รับบริการเคลือบหลุมร่องฟันไม่น้อยกวาร่อยละ 30 
    • ประชากรกลุ่มเป้าหมาย เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตรับผิดชอบของหน่วยบริการ
    • วิธีการจัดเก็บข้อมูล โปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    • แหล่งข้อมูล ฐานข้อมูลจาก โปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    5. ร้อยละของเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับบริการทันตกรรม Comprehensive care
    • คํานิยาม เด็กนักเรียนชั้น ป.1 หมายถึงเด็กอายุ 6 ปีเต็มถึง7ปี 11 เดือน 29 วัน ซงเปึ่ ็นเด็กไทยทุกสิทธิประกันสุขภาพ เด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับบริการ Comprehensive care โดยทันตบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งComprehensive care หมายรวมถึง การให้บริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกัน และรักษาดังนี้
      1. การให้บริการทันตกรรมสงเสริมได้แก่การให้คําแนะนาํ ส่งเสริมการแปรงฟัน และควบคุมอาหารบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม
      2. การให้บริการทันตกรรมป้องกัน ได้แก่ เคลือบหลุมร่องฟันในฟันแท้ 6 ซี่ และให้ฟลูออไรด์เสริมที่เหมาะสม 
      3. การให้บริการทันตกรรมรักษาได้แก่การให้บริการอุดฟันแท้ 6 ซี่ และ การควบคุมการติดเชื้อและการลุกลามของฟันผุ (control infection and caries Progression control) เน้นในฟันน้ํานมซี่ D และ E 
    • เกณฑ์เป้าหมาย เด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ได้รับบริการทันตกรรม Comprehensive care ไม่น้อยกว่าร้อยละ 17
    • ประชากรกลุ่มเป้าหมาย เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตรับผิดชอบของหน่วยบริการ
    • วิธีการจัดเก็บข้อมูล โปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    • แหล่งข้อมูล ฐานข้อมูลจาก โปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    6. จํานวนผู้สงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับบริการฟันเทียม
    • คํานิยาม เป็นการให้บริการฟันเทียมทั้งปากหรือ บางส่วน แก่ผู้สูงไทยอายุ 60 ปีขึ้นไปสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ได้รับบริการโดยทันตแพทย์ในหน่วยบริการ
    • เกณฑ์เป้าหมาย จํานวน 45,000 ราย
    • ประชากรกลุ่มเป้าหมาย ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
    • วิธีการจัดเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูลเรยกเก็บจาก E-claim 
    • แหล่งข้อมูล ฐานข้อมูลเรียกเก็บจาก E-claim 
    นี่คือรายละเอียดในคู่มือ "แนวทางในการดําเนินงานงบจ่ายตามตัวชี้วัดเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการปฐมภูมิ(Quality and Outcome Framework: QOF) ปีงบประมาณ 2557"  ซึ่งจะเห็นว่าข้อมูลของงานทันตสาธารณสุขมีแหล่งข้อมูลในการจัดเก็บจาก
    1. ชุดข้อมูล 21 แฟ้ม ที่ต้องส่ง สปสช. (แฟ้ม MCH field DENTAL)
    2. ข้อมูลจากโปรแกรมยิ้มสดใส (Sealant 2012)
    3.  Eclaim  
    ในปี 2558 ที่จะใช้ข้อมูล 43 แฟ้ม คงต้องรอคู่มือที่เป็นทางการจาก สปสช.กันอีกที

    ตอนที่ 2 ผมจะมาช่วนคุยกันต่อครับในเรื่องเกี่ยวกับวิธีการลงบันทึกข้อมูล และการส่งออกข้อมูลใน HOSxPและ HOSxP PCU  ที่จะรองรับ 43 แฟ้มกันครับ

    เอกสารอ้างอิง
    1. แนวทางในการดําเนินงานงบจ่ายตามตัวชี้วัดเกณฑ์คุณภาพและผลงานบริการปฐมภูมิ(Quality and Outcome Framework: QOF) ปีงบประมาณ 2557
    2. www.yimsodsai.com  
      โปรแกรม Sealant 2012 แบบ Online เริ่มใช้กรอกข้อมูลของปีารศึกษา 2556
      * สามารถ Download คู่มือโปรแกรม Sealant 2012 (มีแบบ Online และ Offline) 
      ได้ที่ www.yimsodsai.com

    ..................................................................................................................................................................

    แจกฟรี Custom Report By คณวัชร คำชัย
    1. Custom Report Dent

    ปล. เป็นการสรุปตามความเข้าใจของตัวผู้เขียนเอง อ่านเพื่อเป็นแนวทางในการไปศึกษาหาข้อมูลต่อพอได้ แต่ไม่แนะนำไปอ้างอิงใดๆนะครับ เพราะผมอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปตามประสาคนรู้น้อย..  

    วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    MMR 2 ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย ตอนที่ 2 การตั้งฐานรหัสวัคซีน MMR2 และ dTC ใน HOSxP/HOSxP PCU


    โอม... นะโม ท้องโต ยาสตรีเบนโล

    ได้ฤกษ์งามยามดี ศุกร์เป็นมหาจักร์ พฤหัสเป็นมหาโจร..
    โบราณว่าขึ้นบ้านเวลานี้ ดีนักแล. ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ต้องตามใจผู้ผูก.. 
    โอมม ม...น้ำมาปลากินมด น้ำลดกระทืบมดกินปลา..
    โอมม ม.. น้ำร้อนปลาตาย น้ำลายเหม็น เหม็น..แหวะๆ
    โอมม..มหาระรวย ใครเห็นใครรัก ใครเข้ามาทักระวังของเข้าตัว ของแบบนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ลาบ ก้อย..
    ข้าฯ แต่เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าของ Facebook ...สมาชิกทุกท่าน วันนี้ลูกช้างถือฤกษ์งามดี อัญเชิญเทพ jdadmin 1 มาลงประทับร่าง เพื่อให้เกิดความกระจ่างทางด้านวัคซีน ..

    ฟรุ้งฟริ้ง...


    เอ๊ย..ผิดๆๆๆ เอามาจากอัลบั้มรูปป๋า jdadmin 1 ทำไมกลายเป็นรูปน้องมะปรางคนสวยไปได้หว่า..
    เอ้า ว่ะ องค์นี้ก็ได้ กึ๋ยยย...ย

    ...........................................................................................................................................

    ก่อนจะเขียน MMR2 ตอนที่ 2 ผมนอนลงบนตาชั่งโดยให้หน้าอกวางอยู่ตรงกลางเพื่อชั่งใจอยู่นานพอสมควรว่าจะรอความกระจ่างจาก สปสช. กับ กระทรวง ที่กำลังวัดดวงกันอยู่ (ฮา) หรือ สนย. ว่าจะมีข้อมูลออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทำให้เกิดบรรยากาศโมฆะ เอ๊ย มาคุ ขึ้นมาทั่วทั้งประเทศ..

    ณ ตอนนี้ 7 สิงหาคม 2558 เวลา 14:15 น. นี้คือ องค์ความรู้เท่าที่ผมมี 

    ถ้าจำกันได้ วัคซีนรวมเคยมีปัญหาอยู่ช่วงหนึ่งคือ วัคซีน DTP กับ DTPHB ตอนนั้นมีการเริ่มให้วัคซีน DTPHB แต่ใน HOSxP มีช่องให้ลงเพียงแค่ DTP และ HB เท่านั้นเอง การประมวลผลในตอนนั้นก็ยังคิดความครอบคลุมที่ DTP และ HB ไม่มีที่ว่างสำหรับ DTPHB เลยแม้แต่น้อย

    เทพ HOSxP ทั้งหลายในช่วงนั้นจึงต้องทำความเข้าใจกันอย่างมากที่จะเพิ่มข้อมูลวัคซีนอย่างไรที่ลง DTPHB แล้วข้อมูลวันที่ไปโผล่ในช่อง DTP และ HB 1,2... และ 3
    ตาราง vaccine_combination จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

    ถือโอกาสทบทวนกันนะครับว่าตารางหลักๆที่เกี่ยวข้องกับการตั้งฐานวัคซีนมีตารางอะไรบ้าง
    1. vaccine_combination ตารางสำหรับกำหนดรหัสวัคซีนเดี่ยว และวัคซีนรวม
    2. person_vaccine ตารางสำหรับกำหนดรหัสวัคซีนทั้งหมด
    3. wbc_vaccine ตารางกำหนดรหัสวัคซีน สำหรับเด็ก 0-1 ปี
    4. epi_vaccine ตารางกำหนดรหัสวัคซีนสำหรับ เด็ก 1-5 ปี
    5. student_vaccine ตารางกำหนดรหัสวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียน
    6. provis_vcctype ตารางกำหนดรหัสวัคซีนสำหรับส่งออก 43 แฟ้ม
    ประเด็นที่ต้องพิจารณามีดังนี้ครับ
    1. วัคซีน MMR เข็ม 1 รหัส 061 กำหนดให้ฉีดในกลุ่ม
      • เด็กอายุ 9-12 เดือน
    2. วัคซีน MMR2 เข็ม 2 รหัส 073 กำหนดให้ฉีดในกลุ่ม
      • เด็กอายุ 2 ปี ครึ่ง หรือเด็กที่เกิด 1 ก.พ.2555 เป็นต้นไป
    3. วัคซีน MMRs  รหัส 072 กำหนดให้ฉีดในกลุ่มนักเรียน ป.1 แต่ปัญหาวัคซีน MMR ไม่เพียงพอ จึงให้ฉีด MR (ยังไม่มีการกำหนดรหัสมาตรฐาน) เป็นวัคซีนที่นำมาทดแทน MMR และวัคซีน MR อาจจะใช้ฉีดในกลุ่มดังต่อไปนี้ 
      1. การรณรงค์ในเด็กโต และผู้ใหญ่
      2. เด็กนักเรียน ชั้น ป.1
      3. เด็กอายุ 2 ปีครึ่ง **
      4. เด็กอายุ 9-12 เดือน  **
        ** แสดงว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่จะใช้ MR ในกลุ่ม ** หาก MMR ขาดแคลน**
    4. วัคซีน MR ควรจะกำหนดรหัสเพิ่มหรือไม่ เนื่องจาก สนย.ไม่ได้กำหนดไว้ในรหัสมาตรฐาน 43 แฟ้ม และกรมควบคุมโรคจะแนะนำให้ใช้รหัส MMRs รหัส 072 ในเด็กนักเรียน ป.1แทนเพื่อป้องกันความสับสน (แต่ คนเขียนมึนงง ไปแล้ว..) เพราะ MR มันไม่ใช่ MMRs  (MMRs ก็คือ MMR ที่ใช้ฉีดในเด็ก ป.1 )
    5. ถ้ากำหนดวัคซีน MMR2 และ MR เพื่อเก็บข้อมูลการฉีดวัคซีน แต่ข้อมูลวันที่รับวัคซีนใน  HOSxP ยังไม่มีช่องสำหรับ MMR2 และ MR
      • บัญชี 4 ไม่มี MMR2 แต่ถ้าเข้าไปดูรายละเอียดรายบุคคลจะมีข้อมูลแสดง( HOSxP เวอร์ชั่นต่อไปอาจจะมีการแก้ไข)
      • บัญชี 5 หากเพิ่มข้อมูลถูกต้อง มีช่องสำหรับ MR ได้แน่ๆ แต่กรมควบคุมโรคดันให้ลงรหัสของ MMRs  (เวรกำ เอาไงดี!)
    .............................................................................................................................................
    หมอลักษณ์ ไม่ฟันธง!

    ส่วนตัวผมยังเห็นด้วยกันป๋า jdadmin1 ที่ว่าวัคซีน MR ควรเพิ่มข้อมูลวัคซีนต่างหาก เพื่อให้แยกกันชัดเจน ไม่ควรไปติ๊งต่างว่ามันเป็นตัวเดียวกับ MMRs ซึ่งเป็นกรณีคล้ายกับ DTPHB ที่ไม่ใช่ DTP และ HB และในสถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีการใช้ทั้งวัคซีน MMR และ MR ตามกลุ่มดังกล่าวข้างต้น ผมจึงใช้ข้อมูลความรู้ ณ ปัจจุบันในการเสนอวิธีกำหนดฐานข้อมูลใน HOSxP /HOSxP PCU ดังนี้นะขอครับ

    ขั้นตอนที่  1 ตาราง vaccine_combination
    ตารางส่วนตัวผมไม่เห็นว่าต้องแก้ไขอะไร ขอผ่าน อันนี้ริวไม่ยุ่งฮะ..

    ..............................................................................................................................................................

    ขั้นตอนที่  2 ตาราง person_vaccine

    โดยข้อมูลเดิมผมมี MMR และ MMRs อยู่แล้ว ดังนั้นที่ผมจะเพิ่มคือ MMR2 ,dTC และ MR แต่ให้สังเกตดีๆนะครับ วัคซีน MR ผมใช้ vaccine_code เป็น MMR2 แต่รหัสส่งออกเป็น 072 เพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดว่าการให้วัคซีน 072 คือวัคซีนที่ให้ในเด็ก นักเรียน ป.1 ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรคครับ ส่วน vaccine_grop กำหนดเป็น MR เพื่อให้มีข้อมูลในการลง Lot วัคซีน นั่นเอง

    ..............................................................................................................................................................

    ขั้นตอนที่  3 ตาราง wbc_vaccine

    ตารางนี้เป็นข้อมูลวัคซีนของเด็ก 0-1 ปี ซึ่งยังคงฉีด MMR (หรือบางแห่งอาจจะตั้งเป็น MMR1 ก็แล้วแต่) ฉีดในช่วงอายุ 9-12 เดือน ซึ่งยังเป็นข้อกำหนดเหมือนเดิม ตารางนี้ความเห็นผมจึงยังคงเหมือนพี่ติ๊ก ชิโร่ รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

    ..............................................................................................................................................................

    ขั้นตอนที่  4 ตาราง epi_vaccine

    ตารางนี้เป็นข้อมูลวัคซีนของเด็ก 1-5 ปี ซึ่งตามข้อมูลที่ผมได้เขียนให้อ่านในตอนที่ 1 กำหนดให้ฉีดวัคซีน MMR เข็ม 2 หรือจะเรียกว่า MMR2 รหัส 073 ในกลุ่มอายุ 2 ปีครึ่ง ซึ่งปกติวัคซีน MMR2 ในตารางนี้จะไม่มี จึงต้องมีการเพิ่มข้อมูลวัคซีนดังนี้








    ทั้งนี้เพื่อให้มีข้อมูลการให้บริการวัคซีน MMR2 ในกลุ่มอายุ 2 ปีครึ่งในบัญชี 4 นั่นเองครับ





























    บางท่านอาจจะถามว่า ทำไมผมไม่เพิ่มวัคซีน dTC เหตุผลเพราะว่า dTC เป็นวัคซีนรณรงค์ครับ ไม่ใช่วัคซีนพื้นฐาน อาจจะฉีดในกลุ่มอายุ ตอนไหนก็ได้ อย่างเช่น คอตีบระบาด จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ในข้อมูลวัคซีนพื้นฐานครับ
    ..............................................................................................................................................................

    ขั้นตอนที่  5 ตาราง student_vaccine

    ตารางนี้เป็นข้อมูลวัคซีนในเด็กนักเรียน ซึ่งข้อมูลบอกไว้ว่าจะให้มีการฉีดวัคซีน MR ในนักเรียน ป.1 เพราะปัญหาของการขาดแคลนวัคซีน MMR   อ่านแล้วอย่างงนะครับ MMR กับ MMRs คือวัคซีนตัวเดียวกัน เพียงแต่รหัส MMR รหัส 061 ใช้ในกลุ่มเด็กอายุ 9-12 เดือน แต่ MMRs รหัส 072 ใช้ในกลุ่ม เด็กนักเรียน ป.1  แต่กรมควบคุมโรคเขาหวังดีครับกลัวทุกท่านจะสับสนเลยบอกว่าให้คีย์เป็น MMRs แทนไปเลย โดยให้เป็นที่เข้าใจตรงกันว่า MMRs ของนักเรียน ป.1 ในปี 2557 คือการฉีดวัคซีน MR 

    อืม..มันก็งงๆ ดี เพราะส่วนตัวผมชอบแบบตรงๆ มากกว่า ฉีด MR ก็ MR สิ จะไปใช้ MMRs ทำไม
    เพื่อไม่ให้งงมากไป ผมจึงแยกตั้งวัคซีน MR ขึ้นมาในตารางนี้เพื่อให้เป็นวัคซีนที่ลงบันทึกข้อมูลให้ชัดเจนว่า ฉีด MMRs หรือ MR แต่ว่ารหัสส่งออกตัวเดียวกัน คือ 072 

    สรุปให้เข้าใจตรงกันอย่างนี้นะครับข้อมูลวัคซีนกลุ่มนักเรียน ป.1 ไม่ควรจะส่งออกเป็น 073 ครับ เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นรหัสวัคซีนของเด็ก 2 ปีครึ่งแทน














    ส่วนเหตุผลที่ผมตั้ง export_vaccine = 072 และcheck_code เป็น MMRs เพื่อให้ตรงกับที่กรมควบคุมโรคแนะนำครับว่าเพื่อไม่ให้สับสนควรใช้รหัส MMR ครั้งที่ 2 ที่ฉีดในเด็กนักเรียนเป็น MMRs รหัส 072 เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มชื่อขึ้นมาเพื่อให้ชัดเจนว่ารับวัคซีน MR ไม่ใช่ MMR



    ..............................................................................................................................................................

    ขั้นตอนที่  6 ตาราง provis_vcctype

    ตารางนี้เป็นข้อมูลวัคซีนสำหรับส่งออก ตั้งตามตามรหัสมาตรฐาน 43 เลยครับ โดยผมจะเพิ่ม code วัคซีน ดังนี้
    • code 073 name MMR2
    • code 901 name dTc
    แน่นอนครับว่าในตารางนี้ ไม่มี MR เพราะว่ามันไม่ใช่รหัสวัคซีนมาตรฐาน 43 แฟ้ม นั่นเอง
    ..............................................................................................................................................................

    อืม..กาแฟ หมดแก้วพอดี
    อ่านกันเพลินๆ เอาไว้เป็นแนวทางเพื่อพิจารณาได้ แต่อย่าเอาไปอ้างอิงนะครับ เพราะบางทีก็มีบ้างที่ผมมั่วๆ นิ่มไปเรื่อย

    ตอนนี้ได้เวลา T25 อีกแว้ววว ยาฮู้

    วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    MMR 2 ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย..ตอนที่ 1

    Please...

    โปรดอย่าถาม...ว่าผมเป็นครายยย เมื่อในอดีต...อิอิ
    แหม.. อารมณ์ศิลปินแห่งจักรวาลมันพาไปได้ไงเนี่ย..

    หยุดก่อนครับ หยุ๊ดด..
    อย่าเพิ่งถามผมครับว่า MMR 2 ตั้งค่าใน HOSxP อย่างไร ถ้าคุณไม่ได้อ่านบทความนี้่ก่อน..

    อะแฮ่ม  แค๊กๆ..

    16 ส.ค.2556 
    รายงานการประชุมหารือ แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนปีงบประมาณ 2557

    "สปสช.เขต มีหนังสือแจ้งบอกว่า ตามที่ สปสช.จับมือกับ กรมควบคุมโรค และองค์การเภสัช ในการจัดหาวัคซีนตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคตามมติของ สปสช.มาตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน แต่เนื่องจากเกิดปัญหาสภาพคล่อง เอ๊ย ปัญหาความต้องการวัคซีนรวมป้องกันโรค หัด คางทูม หัดเยอรมัน  (MMR) ชนิด single dose สำหรับเด็ก 9 เดือน ขาดแคลนน (น่าจะไปซื้อที่ขอนแก่นเนอะ) ทั้งระดับประเทศ ระดับนานาชาติ (ว้าว) ทำให้องค์การเภสัชไม่สามารถจัดหาได้ตามแผน และความต้องการวัคซีน MMR ในช่วงเดือน พ.ค.- กค.56 เพิ่มมากขึ้น 
    สปสช. ได้ติดตามประเมินความเสี่ยง และประชุมหารือแนวทางเพื่อแก้ปัญหาวัคซีน MMR ที่จะให้บริการในเด็กกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสถานการณ์ตอนนั้นวัคซีน MMR ขาดชั่วคราว และจะเริ่มจ่ายให้อีกครั้งในช่วงเดือน ธันวาคม 56 โดยให้เริ่มนัดเด็กที่จะได้รับวัคซีนอีกครั้งหลังวันที่ 15 ธ.ค.56"

    ข้อมูลนี้ผมทราบคร่าวๆจากทางฝ่ายเวชปฏิบัติครอบครัวที่มีการแจ้ง รพ.สต. ทาง Facebook เป็นข้อมูลที่รับทราบสถานการณ์ขาดแคลนวัคซีนชั่วคราว และคิดว่าคงไม่เกี่ยวอันใดกับเราชาวแอดมิน

    อะเครๆ ผ่านไป

    .......................................................................................................................................................
    21 ธ.ค.2556 
    กลุ่มคลังข้อมูลสุขภาพ กลุ่มภารกิจด้านข้อมูลข่าวสารสุขภาพ สำนักนโยบายและยุทธศาสาตร์แจ้งประกาศรหัสมาตรฐานสำหรับ 43 แฟ้ม ปรับปรุงวันที่ 17 ธ.ค.2556





    .......................................................................................................................................................

    28 พ.ค.2557 
    เวลา 12:11:26 น. เวปหน้าเขียว ประกาศอัพเดท Lookup รหัสวัคซีน



    ไฟล์อัพเดท Update_lookup.zip

    .......................................................................................................................................................
    29 พ.ค.2557 
    panus_t ตั้งกระทู้ถาม ใน HOSxP ผู้สนใจอ่านก่วา 2250 ครั้ง


    .......................................................................................................................................................
    9 ก.ค.2557 
    ที่ สธ 0422.3/ ว356 ลงวันที่ 9 ก.ค.57 กระทรวงสาธารณสุขแจ้ง เรื่องการปรับอายุของเด็กในการให้วัคซีน MMR เข็มที่ 2 จากอายุ 7 ปี เป็นอายุ 2 ปีครึ่ง


    "สรุปประเด็นสำคัญๆ คือ กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้โรคหัด เป็นโรคเป้าหมายที่ต้องกำจัดตามพันธะสัญญากับนานาประเทศ โดยจะให้มีอัตราป่วยไม่เกิน 0.1 ต่อ ปชก.แสนคนในปี 2563 โดยมีการให้วัคซีน MMR ดังนี้

    • MMR ครั้งที่ 1 เด็กอายุ 9-12 เดือน
    • MMR ครั้งที่ 2 เด็กเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (หรือ 7ปี +)
    แต่สถานการณ์ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2552-2556) พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหัด และมีการแพร่ระบาดของโรคหัดเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในเด็กก่อนวัยเรียนประมาณร้อยละ 40  โดยมีการวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะมาจาก

    1. ความครอบคลุมวัคซีนในเด็กยังต่ำในบางพื้นที่"
    2. ธรรมชาติของเด็ก 1 ใน 5 จะสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ไม่เต็มที่เมื่อได้รับวัคซีนเข็มแรก แต่ได้ถ้ารับเข็มที่ 2 กระตุ้นจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้เต็มที่
    คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้ให้คำแนะนำการให้วัคซีนของประเทศไทยว่า ควรปรับอายุของเด็กในการให้วัคซีน MMR เข็ม 2 จากอายุ 7 ปี เป็น อายุ 2 ปีครึ่ง




    กระทรวงขอเรียนกว่า สปสช.ได้จัดหาวัคซีน MMR เข็ม 2 สำหรับให้บริการแก่เด็กอายุ 2 ปีครึ่ง อย่างเพียงพอแล้ว  ดังนั้นเพื่อให้การบริการวัคซีน MMR เข็ม 2 เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขอให้ปฏิบัติประมาณนี้ (ภาษาราชการอ่านยากขอสรุปสั้นๆ ดังนี้)
    1. เด็กกลุ่มเป้าหมาย ที่จะรับวัคซีน MMR  เข็ม 2  คือ เด็กที่เกิดวันที่ 1 ก.พ.55 โดยจะได้รับพร้อมวัคซีน JE ชนิดเชื้อตายเข็ม 3 หรือ JE ชนิดเชิ้อเป็น เข็ม 2
    2. เนื่องจากวัคซีน MMR มีจำกัด จึงยังไม่อนุญาตให้ฉีดในเด็กที่เกิดก่อนวันที่ 1 ก.พ.55 
    3. การรณรงค์เก็บตกวัคซีน MMR เข็ม 2 จะมีการจัดรณรงค์เก็บตกในกลุ่มเด็กอายุ 2 ปีครึ่ง - 7 ปี ในปีงบประมาณ 2558
    4. การฉีดวัคซีน MMR แบบ Sigle dose ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังครั้งละ 0.5 มิลลิลิตร แต่ว่าในขั้นตอนการผสมน้ำยาละลายวัคซีน MMR มาผสมกับวัคซีนผลแห้งทั้งหลอด ให้ดูดวัคซีนที่ผสมแล้วให้หมดไปฉีด หมายความว่าปริมาณที่ฉีดจะมากกว่า 0.5 มิลลิลิตร
    5. กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มรหัสวัคซีน 073 เพื่อบันทึกข้อมูล MMR เข็ม 2 ในเด็กอายุ 2 ปีครึ่งผ่านฐานข้อมูล 43 แฟ้ม ขอให้สถานบริการตรวจสอบรหัสวัคซีนและปรับเอง (ตัวใครตัวมัน)
    6. ระยะแรกยังคงต้องให้วัคซีน MMR หรือ  MR เข็มสอง (งง..MR มาจากไหนฟะ่) ในเด็กนักเรียน ป.1 จนกว่าเด็กอายุ 2 ปีครึ่งจะได้รับวัคซีน MMR เข็ม 2 โต และเข้าเรียน ป.1 จึงจะยกเลิกการให้วัคซีนในเด็กนักเรียน สรุปข้อ 6 คือ
      • MMR ให้ฉีดในเด็กกลุ่มเป้าหมาย (ที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.55 )
      • MR ให้ฉีดในเด็กนักเรียน ป.1  จนกว่าเด็กกลุ่มเป้าหมายจะขึ้น ป. 1 จึงจะยกเลิกฉีด MR

    .......................................................................................................................................................

    31 ก.ค.2557 
    การกำหนดรหัสวัคซีน MR ที่ สปสช..5.34/ว367 ลงวันที่ 31 ก.ค.57 (หนังสือจาก สปสช.เขต 9 แล้วของเขต 8 มีหรือเปล่าหว่า)
    "สรุปประเด็นสำคัญๆ คือ สปสช. ได้แจ้งแนวทางการกระจายวัคซีนนักเรียนด้วยระบบ VMI ปีงบประมาณ 2557 (อ้างอิง หนังสือ สปสช.5.34/ว.222 ลงวันที่ 7 พ.ค.57 )กำหนดรายการวัคซีน นักเรียน ป.1 เป็นวัคซีน MR (Measles and Rubella Vaccineขนาดบรรจุ 10 โด๊ส/ขวด ) แทนวัคซีน MMR เนื่องจากการขาดแคลนวัคซีน MMR 
    มติที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 2/56 ลงวันที่ 15 ก.ค.56 มีมติให้จัดหาวัคซีน MR ทดแทนวัคซีน MMR โดยแนะนำให้ใช้วัคซีน MR ตามความจำเป็น ตามลำดับ ดังนี้
    1. เพื่อรณรงค์ในเด็กโต และผู้ใหญ่
    2. เด็กนักเรียน ชั้น ป.1
    3. เด็กอายุ 2 ปีครึ่ง
    4. เด็กอายุ 9-12 เดือน
    เพื่อให้การบันทึกข้อมูลการให้บริการวัคซีนดังกล่าวในฐานข้อมูลสุขภาพของหน่วยบริการครบถ้วน และถูกต้องตามกลุ่มเป้าหมาย กรมควบคุมโรคแนะนำว่า (แล้วตกลงต้องปฏิบัติตามไหม๊ หรือเป็นแค่นำแนะนำ) เพื่อเป็นการลดภาระและความสับสน (งง..และเบลอแล้วตอนนี้) ของเจ้าหน้าที่เวลาบันทึกข้อมูล  จึงให้บันทึกบริการวัคซีน MR ในเด็กนักเรียน ป.1 เป็น MMRs รหัส 072 "

    .......................................................................................................................................................

    31 ก.ค.2557 
    เทพวัคซีน jdadmin1 ตอบวิธีการตั้งค่าใน HOSxP แบบทำไปตอบไป ดันกันสด จนเทพคนเหล็ก Terminator2014 ทนไม่ได้ช่วยจับภาพมาลงเป็นไฟล์คู่มือสั้นๆ ให้โหลดกันเพลินๆ คลิก


    .......................................................................................................................................................
    3 ส.ค.2557 
    นกใหญ่ใจดี ฺBigBird  เปิดพื้นที่ Blog การเพิ่มวัคซีน MR ในเด็ก 2 ปีครึ่ง




    .......................................................................................................................................................

    เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ MMR 2 ชื่อนี้อร่อยสมกับที่อ่านกันไหม๊ครับ

    ตอนนี้ 2 มาติดตามกันต่อครับว่าถ้าจะตั้งรหัสวัคซีนเพื่อให้ได้ข้อมูลวัคซีนที่ถูกต้อง(หรือเปล่าหว่า) ในโปรแกรม HOSxP /HOSxP PCU ทำอย่างไร.. ขอเวลาจุดธูปเชิญเทพ jdadmin1 มาประทับร่างลงองค์ก่อนนะครับ จะได้ขลัง ฮิ้วววว

    ช่วงเวลาที่ว่างสั่งกาแฟ มานั่งจิบรออ่านกันให้เพลินๆ ได้เลยครับ