เสียงนาฬิกาปลุก ดังจากโทรศัพท์ที่ผมตั้งเวลาปลุกอัตโนมัติทุกวัน ช่วง 05.00น. ซึ่งผมมีภาระกิจหน้าที่ประจำอย่างหนึ่งคือ การรีโมทไปที่สถานีวิทยุชุมชนคนด่านซ้าย เพื่อจัดรายการในช่วงตี 5 ถึง 6 โมงครึ่ง..
หลังจากที่ จัดคิวไฟล์เพลงในรายการของวิทยุเสร็จเรียบร้อย ผมรีบทำภาระกิจส่วนตัวแต่เช้าเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของโรงพยาบาลอุบลรัตน์ ที่จะทดสอบการใช้ HOSxPเต็มระบบ หลังจากที่ใช้เวลาเตรียมตัวกันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2554 จะว่าไปก็ใช้เวลาไม่นานมากนักในการเตรียมงาน จะว่าโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง น่าจะใช้เวลาในการเตรียมตัวซัก 2 เดือนกำลังดี แต่เนื่องจากที่นี่มีระบบเดิมที่ไม่ได้ใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ทุกจุดบริการ ก็อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเปลี่ยนแปลงมาใช้ HOSxP ที่จะต้องมีการปรับทีมงานกันพอสมควร
เช้าวันนี้อากาศดีนะครับ กำลังเย็นสบายๆ หลังจากอาหารมื้อเช้า ผมก็รีบมาเฝ้าดูที่ OPDเป็นจุดแรก มีคนแก่หลายคนเดินทางมาคอยกันแต่เช้าตามหมอนัด วันนี้เป็นวันคลินิกโรคความดันโลหิตสูงพอดีครับ แต่เนื่องจากว่ามีการเปลี่ยนแปลงการ FLOW การเข้าใช้บริการนิดหน่อย ทำให้คุณตาคุณยายทั้งหลายยังทำท่างงๆ ว่าจะไปทางไหน จะทำอย่างไรต่อ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีคนมาอธิบายไม่มา คอมพิวเตอร์ประจำจุดต่างๆ ยังไม่มีใครมาเปิดเพื่อเช็คความเรียบร้อย จนเวลาผ่านไปใกล้แปดนาฬิกาปริมาณคนไข้เริ่มเพิ่มมากขึ้น.. คนไข้ก็คุยกันไปเสียงดังผมเลยคิดว่าเดินไปดูสถานการณ์ที่ห้องบัตรซักหน่อยดีกว่า..
จุดหน้าห้องบัตร มีคนไข้มายื่นเอกสารเพื่อรอรับเข้าชม จุดนี้ตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะเป็นจุดคัดกรองเบื้องต้นและแจกบัตรคิว สิ่งที่สังเกต คือ คนไข้หรือญาติไม่ค่อยชอบเข้าคิวมั้งครับ ดูแต่ละคนต่างพยายามยื่นเอกสาร โดยยืนอยู่รอบๆ จนดูเหมือนว่าการจราจรจะติดขัดเป็นบางช่วง...
ในเชิงระบบการบริหารจัดการจุดนี้ มีความสำคัญนะครับเพราะเป็นจุดแรกที่ต้องพบปะ สื่อสารกับผู้ป่วยหรือญาติว่าจะเอายังไง จะไปไหนต่อ หากคนน้อยไปไม่เพียงพอ มีโอกาสที่จะทำให้คนไข้ไปต่อแบบ งงๆ ผลที่ตามมาคือ ความไม่ค่อยจะพึงพอใจ ประมาณว่าแล้วทำไม..ไม่บอก(ตั้งแต่แรก)
ในส่วนของห้องบัตร พวกเราออกแบบกันคล้ายๆกับระบบเดิม เพื่อให้สามารถทำงานได้ทั้ง 2แบบ คือ แบบแรกสำหรับแพทย์ใช้คอมพิวเตอร์ในการลงข้อมูล และแบบที่สองสำหรับแพทย์ที่ยังต้องใช้ระบบแมนนวลเหมือนเดิม..
ดังนั้นในจุดนี้ จึงมีการพิมพ์ใบสั่งยาตามแบบฟอร์มเก่า จริงๆเป็นระบบสำรองเผื่อว่าถ้าไปต่อไม่ไหว แบบเก่าก็ยังพอถูไถไปได้.. ปัญหาในจุดนี้เท่าที่สังเกตุดู คือความเข้าใจเรื่องสิทธิ และการบันทึกข้อมูลที่ยังต้องแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องการส่ง Visit ใหม่ สงสัยต้องมีการเทรนเฉพาะห้องบัตรกันอีกรอบแบบจัดเต็ม...
ที่จุดซักประวัติผู้ป่วยนอก มีการปรับสถานที่ในช่วงเวลาสุดท้ายเล็กน้อย เพื่อให้ FLOW การเดินเข้าออกของคนไข้สะดวกมากขึ้น แต่ด้วยความที่สถานที่ค่อนข้างคับแคบ ตรงจุดซักประวัติเป็นทางผ่านเข้าออกห้องชันสูตร และเป็นจุดตรวจวัดสายตา แถมวันนี้ประเดิมรายการคลินิกพิเศษ คนไข้จึงรออยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับการคีย์ยังไม่ชำนาญทำให้ออกอาการช้า เพราะหาเมนูไม่เจอบ่อยๆ ทางทีมเลยตัดสินใจส่ง เจ้าแม่ OPD อย่างนง ไปช่วยสาธิตการซักประวัติแบบผู้เชี่ยวชาญ..
หลังจากที่พูดคุยตกลงบริการ ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ ทางทีมห้องยาตกลงว่าจะใช้ระบบแบบที่ 1คือ ยอมให้สติกเกอร์พิมพ์ออกมาเองอัตโนมัติ ซึ่งช่วงแรกๆ อาจจะติดขัดบ้างแต่สักพัก ทุกอย่างก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทาง..
ในขณะที่ OPD เริ่มลดความวุ่นวายลงไปบ้างแต่ผมคิดว่าพื้นที่ที่ มียังพอมีทางออกในการบริหารจัดการร่วมกันเพื่อลดความแออัดที่ OPD
ผมเดินลงมาที่บริเวณด้านข้าง มีพื้นที่สำหรับให้บริการผู้ป่วยไข้หวัด ที่มีเจ้าหน้าที่นั่งรอคนไข้มารับบริการ ในช่วงที่ไม่มีคนไข้น่าจะไปช่วยเสริมทีม OPD ข้างบนได้ หรือถ้ามีกิจกรรมบางอย่างเช่น วัดสายตา ซึ่งคนไข้อาจจะเดินลงมาอีกสักหน่อย แต่ดูแล้วก็น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะค่อนข้างเป็นสัดส่วน คนไข้เองก็คงรู้สึกดีกว่าที่จะต้องนั่งวัดสายตาต่อหน้าผู้คนอีกมากมาย
ในเชิงระบบการบริหารจัดการจุดนี้ มีความสำคัญนะครับเพราะเป็นจุดแรกที่ต้องพบปะ สื่อสารกับผู้ป่วยหรือญาติว่าจะเอายังไง จะไปไหนต่อ หากคนน้อยไปไม่เพียงพอ มีโอกาสที่จะทำให้คนไข้ไปต่อแบบ งงๆ ผลที่ตามมาคือ ความไม่ค่อยจะพึงพอใจ ประมาณว่าแล้วทำไม..ไม่บอก(ตั้งแต่แรก)
ในส่วนของห้องบัตร พวกเราออกแบบกันคล้ายๆกับระบบเดิม เพื่อให้สามารถทำงานได้ทั้ง 2แบบ คือ แบบแรกสำหรับแพทย์ใช้คอมพิวเตอร์ในการลงข้อมูล และแบบที่สองสำหรับแพทย์ที่ยังต้องใช้ระบบแมนนวลเหมือนเดิม..
ดังนั้นในจุดนี้ จึงมีการพิมพ์ใบสั่งยาตามแบบฟอร์มเก่า จริงๆเป็นระบบสำรองเผื่อว่าถ้าไปต่อไม่ไหว แบบเก่าก็ยังพอถูไถไปได้.. ปัญหาในจุดนี้เท่าที่สังเกตุดู คือความเข้าใจเรื่องสิทธิ และการบันทึกข้อมูลที่ยังต้องแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องการส่ง Visit ใหม่ สงสัยต้องมีการเทรนเฉพาะห้องบัตรกันอีกรอบแบบจัดเต็ม...
ที่จุดซักประวัติผู้ป่วยนอก มีการปรับสถานที่ในช่วงเวลาสุดท้ายเล็กน้อย เพื่อให้ FLOW การเดินเข้าออกของคนไข้สะดวกมากขึ้น แต่ด้วยความที่สถานที่ค่อนข้างคับแคบ ตรงจุดซักประวัติเป็นทางผ่านเข้าออกห้องชันสูตร และเป็นจุดตรวจวัดสายตา แถมวันนี้ประเดิมรายการคลินิกพิเศษ คนไข้จึงรออยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับการคีย์ยังไม่ชำนาญทำให้ออกอาการช้า เพราะหาเมนูไม่เจอบ่อยๆ ทางทีมเลยตัดสินใจส่ง เจ้าแม่ OPD อย่างนง ไปช่วยสาธิตการซักประวัติแบบผู้เชี่ยวชาญ..
ตรงจุดนี้ ผมยังคิดว่าน่าจะแก้ไขได้อีก โดยเฉพาะเรื่องอัตรากำลังที่ยังมีน้อยเกินไป ทำให้การดูแลโดยเฉพาะที่เจ้าหน้าที่กำลังก้อมหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลทำให้ เวลาคนไข้จะเข้าหรือออกจากห้องตรวจโรคยังมีอาการสะดุดที่เพราะความไม่ชำนาญการใช้งาน
ในขณะที่นั่งเฝ้าสังเกตุการณ์ โดยเฉพาะที่หน้าห้องตรวจที่จะเห็นเก้าอี้รอตรวจว่าง หรือบางที่ไม่ว่างก็ยังไม่รู้ว่า ทำไหมคนไข้ถึงยังไม่ได้ถูกเรียกเข้าไปในห้องตรวจซะที และผมเห็นสภาพห้องตรวจว่างเป็นพักๆ ในขณะที่คนไข้รอตรวจที่ OPD ยังตรึม..
ในส่วนของห้องยา ก่อนเริ่มต้นบริการผมได้พูดคุยกับทางทีมห้องยาผู้ป่วยนอก ในเรื่องของรูปแบบบริการว่า จะให้สติกเกอร์ยาพรินทร์ออกมาตามที่แพทย์สั่งโดยใช้ Printer serverหรือ จะให้ห้องยาเป็นคนนำ HN ,มาออกใบสั่งต่อเอง
หลังจากที่พูดคุยตกลงบริการ ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ ทางทีมห้องยาตกลงว่าจะใช้ระบบแบบที่ 1คือ ยอมให้สติกเกอร์พิมพ์ออกมาเองอัตโนมัติ ซึ่งช่วงแรกๆ อาจจะติดขัดบ้างแต่สักพัก ทุกอย่างก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทาง..
ในขณะที่ OPD เริ่มลดความวุ่นวายลงไปบ้างแต่ผมคิดว่าพื้นที่ที่ มียังพอมีทางออกในการบริหารจัดการร่วมกันเพื่อลดความแออัดที่ OPD
ผมเดินลงมาที่บริเวณด้านข้าง มีพื้นที่สำหรับให้บริการผู้ป่วยไข้หวัด ที่มีเจ้าหน้าที่นั่งรอคนไข้มารับบริการ ในช่วงที่ไม่มีคนไข้น่าจะไปช่วยเสริมทีม OPD ข้างบนได้ หรือถ้ามีกิจกรรมบางอย่างเช่น วัดสายตา ซึ่งคนไข้อาจจะเดินลงมาอีกสักหน่อย แต่ดูแล้วก็น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะค่อนข้างเป็นสัดส่วน คนไข้เองก็คงรู้สึกดีกว่าที่จะต้องนั่งวัดสายตาต่อหน้าผู้คนอีกมากมาย
พื้นที่ที่อยู่ติดกัน มีเก้าอี้ว่าง ซึ่งใช้จัดกิจกรรมคลินิกพิเศษอีกคลินิกไปเมือเช้า ผมว่าถ้าคลินิกความดันมาจัดแถวนี้ คงช่วยลดความแออัดของคนไข้ด้านบนได้เยอะ แต่ก็คงยังมีข้อจำกัดเรื่องกำลังคน และการจัดการระบบอีกหลายอย่างครับ ที่คิดว่าทีมคงจะต้องทบทวนร่วมกัน..
ยิ่งพื้นที่มีจำกัด ถ้าบริหารจัดการดีๆ ผมว่ามีโอกาสพัฒนาอีกเยอะทีเดียว.. โดยเฉพาะถ้ามีระบบไอทีมาช่วยด้วยแล้ว ปัญหาบางอย่างจัดการได้ง่ายขึ้นอย่างตรงจุดนี้สามารถทำ one stop service สำหรับให้บริการผู้ป่วยโรคเรื้อรังได้
นอกจากคนไข้ วันนี้ต้องบอกว่าทีม Admin จากหลายๆโรงพยาบาลก็มาช่วยกันเยอะทีเดียวครับ ทีมงานโรงพยาบาลใกล้ๆอย่าง รพ.ซำสูง ,รพ.เขาสวนกวาง ก็มาช่วยกัน โดยเฉพาะ รพ.ซำสูง คุณหมอซึ่งเป็นประธานกรรมการสารสนเทศ มาช่วยด้วยตนเอง และยังนำฟอร์ม Doctor-opdcard,ฟอร์ม ใบส่งตัว และ Admit note ซึ่งได้ไปปรับปรุงต่อมาเผยแพร่ให้โรงพยาบาลอุบลรัตน์ได้ทดลองใช้ด้วย
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน พวกเรานัดประชุมสรุปงานให้ทางผู้อำนวยการ และทีม รพ.อุบลรัตน์ฟังในช่วงเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม ซึ่งโดยสรุปการใช้งานในภาพรวมมีดังนี่้ครับ
- ห้องเวชระเบียน
- มีการใช้งานส่งตรวจ พิมพ์ใบสั่งยาตาม FLOW ของระบบเดิม
- ปัญหาการส่งตรวจซ้ำซ้อน ซึ่งน่าจะเกิดจากความเข้าใจที่ยังไม่ถูกต้อง
- ยังไม่มีการถ่ายรูป หรือใช้ ฟังก์ชั่น Smart card
- จุดซักประวัติ
- ลงบันทึกข้อมูลการคัดกรอง,นัด, Admit
- ปัญหา การคีย์ข้อมูลยังไม่คล่อง
- ห้องตรวจ
- มีการลงบันทึกข้อมูล 2แบบ คือ บันทึกผ่านคอมพิวเตอร์ และเขียนด้วยมือ ในกรณีคลินิกพิเศษ
- จุดแข็งของที่นี่ คือ แพทย์ลงบันทึกสั่งยา,ตรวจร่างกาย,Dx ,สั่ง Lab, xray และพิมพ์ refer ,ใบรับรองแพทย์ (ซึ่งไม่ค่อยเจอในการขึ้นระบบครั้งแรก)
- ปัญหาที่พบ ยังเป็นเรื่อง Form และเครื่องพิมพ์ Canon ที่มีปัญหาการตั้งค่าหน้ากระดาษ
- ห้องยา
- ใช้การพิมพ์สติกเกอร์แบบ Printer server โดยแพทย์ที่คีย์ยาจะสั่งพิมพ์อัตโนมัติ ส่วนแพทย์ที่ยังไม่ใช้ HOSxP ทางเภสัชจะคีย์ยาเอง
- งานประกัน
- ยังไม่ได้ใช้งาน
- งานผู้ป่วยใน
- พบปัญหาไม่ลงจำหน่ายผู้ป่วยให้เป็นปัจจุบัน
- ไม่ระบุเตียงให้ผู้ป่วย
- เอกสารแบบฟอร์ม ยังไม่ได้ปรับแแก้
- งานคลินิกพิเศษ
- ยังไม่ได้คีย์ข้อมูลเข้าระบบ แต่มีการส่งตรวจไว้แล้ว ต้องคีย์ข้อมูลย้อนหลัง
- งานการเงิน
- ยังไม่ได้พิมพ์ใบเสร็จรับเงินผ่านระบบ
- งานห้องฉุกเฉิน
- มีการคีย์ข้อมูลใน HOSxP
- ติดตั้งเครื่องพิมพ์สติกเกอร์ และ OPD Card
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น