จอร์จ วาเลนติน เป็นนักแสดงภาพยนตร์เงียบที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยความมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ชื่นชอบของแฟนภาพยนตร์มากมาย จนวันหนึ่งเขาได้พบกับ เป๊ปปี้ มิลเลอร์ หญิงสาว ที่เป็นแฟนภาพยนตร์ของเขาในรอบสื่อมวลชนโดยบังเอิญ และต่อมาจอร์จได้เลือกให้เป๊ปปี้ มาเป็นนักเต้นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา ซึ่งเป็นการเปิดทางให้เป๊ปปี้ เป็นดาราดาวรุ่งในเวลาต่อมา ในยุคที่หนังเงียบกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด แต่ขณะเดียวกันเทคนิคการสร้างภาพยนตร์มีเสียง เทคโนโลยีใหม่กำลังได้รับความสนใจทีมงานสร้างหนังได้นำเสนอตัวอย่างหนังมีเสียงให้จอร์จดูและบอกว่านี่คืออนาคต แต่ด้วยความทรนงของจอร์จที่ไม่เชื่อว่าหนังมีเสียง จะมาสู้หนังเงียบของเขาได้เพราะเขาเชื่อว่าคนมาดูการแสดงของเขา ไม่ใช่อยากมาฟังเสียง ทำให้เขาและทีมงานถึงจุดที่ต้องแยกทางเดินตามความฝัน จอร์จลงทุนทรัพย์สินส่วนตัวไปกับการเล่นหุ้น และสร้างหนังเงียบตามความเชื่อของเขา ในขณะที่สาวน้อยเป๊ปปี้ซึ่งไต่เต้าจากตัวประกอบกำลังกลายป็นดาวเจิดจรัสในวงการภาพยนตร์มีเสียงมากขึ้นทุกวัน..
น้องที่ศูนย์ประกันแจ้งผมว่า พี่อุ่มหัวหน้างานเอ็กเรย์โทรศัพท์มาหาผม 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากที่จัดวางของใช้ส่วนตัวเรียบร้อย ผมจึงรีบไปที่ห้องเอ๊กเรย์เพราะคิดว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องระบบ xray digital
ทันทีที่เจอหน้า พี่อุ่มบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับการส่งต่อคนไข้ไปโรงพยาบาลอื่น ซึ่งเมื่อคืนพยาบาลห้องฉุกเฉินที่ไปส่งคนไข้แจ้งว่า หมอสอบถามถึงเรื่องฟิลม์เอ็กเรย์แต่เนื่องจากว่า รพร.ด่านซ้ายใช้การเขียนใส่แผ่นซีดีไปให้ ทำให้ได้รับคำตอบจากหมอ ที่โรงพยาบาลรับส่งต่อได้บอกกลับมาว่า "ไม่มีเวลาไปนั่งดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์" ทำให้พี่ปุ๊พยาบาลหัวหน้างานห้องฉุกเฉินมาปรึกษากับพี่อุ่มว่าในกรณีส่งต่อแบบนี้จะใช้ฟิลม์เอ็กเรย์เหมือนเดิมได้หรือไม่ ซึ่งพี่อุ่มเองก็ลำบากใจจึงโทรศัพท์ไปหาผมเพื่อปรึกษาหารือ ถึงความชัดเจนในโยบายของโรงพยาบาลว่าจะให้ทำอย่างไร..
ระบบเอ็กเรย์ดิจิตอลเทคโนโลยีใหม่ ที่เก็บข้อมูลภาพถ่ายในรูปแบบของไฟล์ ซึ่่งได้รับการคาดหมายว่าในอนาคตอันใกล้ ระบบใหม่คงจะมาแทนการล้างและดูภาพจากฟิลม์เอ็กเรย์ในปัจจุบัน สิ่งใหม่ที่มีอะไรๆ ดีกว่าของเก่ามากมาย แต่ก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องไม่น้อย เพราะไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใส่สวมแทนของเดิมได้เลย แต่ยังหมายถึงการต้องปรับตัวของผู้ปฏิบัติงาน ที่ต้องเตรียมความพร้อมทั้งในด้านทักษะ วิธีการทำงานและทัศนคติที่ดีต่อสิ่งใหม่ๆ รวมถึงนโยบายที่ชัดเจนขององค์กร นอกจากนี้ยังมีผลต่อวิธีการทำงานของหน่วยงานรับส่งแห่งอื่นที่ยังใช้ระบบการดูฟิลม์แบบเดิมอยู่ไม่น้อย
ด้วยความเชื่อมั่นของจอร์จที่คิดว่าหนังมีเสียงไม่มีทางมาแทนที่หนังเงียบได้ เขาทุ่มทุนสร้าง แสดง และเป็นผู้กำกับหนังเรื่องใหม่ด้วยตนเอง จนกระทั่งถึงวันกำหนดฉายหนัง เขาต้องเจอกับอุปสรรค์ครั้งใหญ่เพราะหนังมีเสียงเรื่องแรกของเป๊ปปี้ดาราดวงใหม่ที่กำลังมาแรงที่มีกำหนดฉายวันเดียวกัน และวันนั้นคือจุดเริ่มต้นของหนังมีเสียงและเป็นจุดจบของหนังเงียบ ที่พลิกผันชีวิตของจอร์จไปอย่างสิ้นเชิง
เส้นทางชีวิตของเป๊ปปี้กำลังรุ่งโรจน์ แต่เส้นทางชีวิตของจอร์จดูเหมือนว่ากำลังร่วงโรยถึงจุดต่ำสุด เมื่อทรัพย์สินทุกอย่างถูกนำไปประมูลขาย เขาตกงาน ผู้ชมกำลังหลงไหลไปกับหนังมีเสียงเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ถูกสร้างออกมาฉาย จอร์จกลายเป็นอดีตดาราดังที่ตกอับ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาจึงลองเข้าไปชมหนังมีเสียงของเป๊ปปี้ ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะและเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นในใจของเขา แต่ด้วยความทรนงจอร์จไม่สามารถทำใจยอมรับหนังมีเสียงได้ ความรู้สึกลึกๆในใจของเขากำลังขัดแย้งกันอย่างสุดขั้ว จนกระทั่งเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากไฟไหม้ในบ้านพัก และได้รับการช่วยเหลือจากเป๊ปปี้ หญิงสาวที่แอบหลงรักเขามาตลอด
หลังจากที่โพสต์ปัญหาที่เจอในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาระบบสารสนเทศเกี่ยวกับเรื่องเอ็กเรย์ดิจิตอล หลังจากที่ได้อ่านข้อความในเฟสบุ๊ค พี่อ๋อยดูเหมือนว่าจะรับรู้ปัญหาได้เร็วกว่าเพื่อน จึงเดินมาหาผมที่ห้องทำงานและสอบถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะหาทางออกอย่างไร และได้เสนอวิธีพิมพ์ลงกระดาษอาร์ตมันที่ใช้พิมพ์ภาพดูไหม๊ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและต้องทดลองดู หลังจากที่ผมส่งภาพตัวอย่างไปให้พี่อ๋อยใช้เวลาไม่นานในการทดสอบพิมพ์ภาพออกมาดู ตัวผมเองไม่รู้หรอกว่าในทางการแพทย์มันสามารถจะดูทดแทนฟิลม์ได้ดีพอหรือไม่ ผมจึงไปปรึกษาปัญหานี้กับผู้อำนวยการ และให้ดูภาพที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องอิงค์เจท ซึ่งหลังจากที่ได้ดูภาพผู้อำนวยการจึงไฟเขียวให้ผมสั่งซื้ออุปกรณ์มาติดตั้งที่ห้องเอ๊กเรย์ โดยลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์และกระดาษมันอย่างดี 100 แผ่น เป็นเงินทั้งหมด สองพันห้าร้อยกว่าบาทในการประเดิมวิธีนี้ เฉลี่ยแล้วเต็มที่ต้นทุนที่ใช้น่าจะตกราวๆ สิบบาทต่อแผ่น
หลังจากที่ให้ตั้มติดตั้งเรียบร้อย และทดสอบการพิมพ์ออกมาในรูปแบบภาพต่างๆ ผมลองนำภาพตัวอย่างไปสอบถามแพทย์ท่านอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอทรงศิลป์ คุณหมอสันทัด เพื่อฟังความคิดเห็น ซึ่งได้ผลที่น่าพอในระดับหนึ่งสำหรับการใช้ดูแทนฟิลม์เบื้องต้น ในช่วงบ่ายมีประชุมคณะกรรมการบริหารผมจึงได้แจ้งให้ทางคณะกรรมการทราบถึงปัญหา และแนวทางการแก้ไขเบื้องต้นซึ่งได้วางช่องทางไว้ ดังนี้คือ
- พิมพ์ลงกระดาษส่งไปพร้อมคนไที่ refer แทนการใช้ฟิลม์แบบเดิม
- save ไฟล์ภาพลงใน Dropbox และจะประสานกับทาง รพ.ปลายทางให้ติดตั้ง dropbox ของงาน xray ที่ห้องฉุกเฉินเพื่อให้สามารถรับภาพได้ทันที
- แนบไฟล์ภาพไปกับระบบ refer link
- คงเป็นมาตรการสุดท้ายหากข้อ 1-3 ยังไม่ได้ผล คือ เอ็กเรย์เป็นฟิลม์เหมือนเดิมและใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพเก็บไว้ในฐานข้อมูลของโรงพยาบาลก่อนที่จะส่งฟิลม์ไปพร้อมกับคนไข้
บททดสอบความรักอันหนักหน่วงของจอร์จและเป๊ปปี้ ที่ดูเหมือนเป็นเส้นทางขนาน ที่ยากจะมาบรรจบกันได้ แต่เป๊ปปี้ได้พยายามทุกวิถึทางแม้กระทั่งการยื่นคำขาดให้ทางผู้อำนวยการสร้างหนังรับจอร์จเขามาร่วมแสดงกับเธอ โดยมีเงื่อนไขว่าหากไม่มีจอร์จก็จะไม่มีเธอ แม้ทางผู้อำนวยการสร้างจะคัดค้านในตอนแรก เพราะรู้ดีว่าจอร์จเป็นนักแสดงหนังเงียบที่ไม่มีทางยอมรับหนังมีเสียง และเป็นดาราที่ตกอับคนแทบไม่รู้จักแล้ว ด้วยความมุ่งมั่นและการยื่นคำขาดของเป๊ปปี้ทำให้ทีมงานต้องยอมและส่งบทหนังไปให้จอร์จฝึกซ้อม เหตุการณ์ดูเหมือนว่าจะลงเอยด้วยดีแต่จอร์จก็ยังไม่อาจยอมรับข้อเสนอดีๆที่เป๊ปปี้มอบให้ได้ เขาตัดสินใจหนีกลับไปบ้านหลังเก่าเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง ..
ผมประสานงานผ่านทางเฟสบุ๊คเพื่อให้ทีมโรงพยาบาลรับส่งต่อ ให้ช่วยติดตามผลจากผู้ใช้งานด้วยว่า ภาพเอกเรย์ที่พิมพ์ออกมานั้นมีผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง โดยจะเริ่มใช้งานจริงในวันนี้เป็นวันแรก และคงต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งานเพื่อนำมาปรับปรุงกันต่อ การดูภาพเอ็กเรย์บนกระดาษแทนฟิลม์อาจจะดูเป็นสิ่งที่ขบขันในทางการแพทย์ว่าไม่น่ามาแทนกันได้ แต่ก็เป็นอีกแนวทางที่จะหาทางออกร่วมกันในระหว่างการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี
บทสรุปของเรื่องเป๊ปปี้และจอร์จได้หาทางออกร่วมกัน ด้วยการแสดงหนังที่จอร์จเองไม่ต้องพูดและเป็นหนังมีเสียงที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ทั้งคู่จึงร่วมแสดงหนังที่ใช้การลีลาท่าเต้นประกอบเพลงแทน...ซึ่งจอร์จก็ยังคงแสดงได้โดยไม่ต้องใช้บทพูด
The Artist บรรเลงฝัน..บันดาลรัก คว้ารางวัลใหญ่ คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ครั้งที่ 84 รวมทั้งรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Michel Hazavanicius และดารานำชายยอดเยี่ยม Jean Dujardin
หนังเรื่องนี้ให้มุมมองความคิดผ่านความเงียบตลอดทั้งเรื่องของหนังว่า ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่หยุดคิด สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ไม่ว่าคุณจะอยากได้หรือไม่อยากเปลี่ยนแปลงก็ตามแต่มันจะคืบคลานเข้ามานั่งเบียดๆอยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของคุณทั้งที่รู้และไม่รู้ตัว สิ่งสำคัญคือ คุณจะเปิดใจรีบก้าวไปค่อยๆเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือนั่งอยู่กับที่แล้วโวยวายด่าทอความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่ทำให้ชีวิตคุณยุ่งยากและวุ่นวาย..ก็สุดแต่ใจของคุณ
ผมเขียนบทความในวันนี้ ไม่ได้คิดจะโยงงานไปเกี่ยวกับหนัง เพียงแต่อยากให้สมาชิกทุกท่านได้มีโอกาสได้ชมหนังดีๆ อีกสักเรื่องเท่านั้นเอง เพราะบทสรุปของหนังลงเอยด้วยความแตกต่างแบบสมานฉันท์ เป็นขาว-ดำ หยิน-หยางที่แฮปปีแอนดิ้ง ดูจบแล้วยิ้มได้อย่างสบายใจ
แต่ในเรื่องจริงของการทำงาน..
ยังเป็นหนังชีวิตเรื่องยาวที่มีเรื่องราวให้คิดและติดตามผลงานกันต่ออีกเยอะ..
ชีวิตไม่ต้องถึงขั้นบ้า..วิ่งไล่ล่าตามเทคโนโลยีใหม่ๆ
แต่..ก็อย่าช้าจนถึง ช้าเกินไป ปล่อยให้ความเปลี่ยนแปลงมันมาใกล้ จนเตะก้นคุณได้โดยที่คุณไม่ทันได้ตั้งตัว..
หุหุหุ..หนูเกิดไม่ทันคร้า..อิอิอิ
ตอบลบิคิดว่า มันโยงไปโดยอัตโนมัติแล้วล่ะคร้าบ....อิอิ
ตอบลบ